นางชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.พี พลัส พี (PLUS) คาดว่า ผลประกอบการของบริษัทในปี 54 จะพลิกเป็นกำไรได้ เนื่องจากบริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตอย่างน้อย 10% และยังได้รับแรงสนับสนุนหลักจาก 2 บริษัทในเครือ ได้แก่ บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) และ บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่น (AQUA) ที่ในปีนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายในการบริหารงานใหม่ โดยจะเน้นดำเนินงานในเชิงรุกมากขึ้น
นอกจากนี้ ทั้ง 2 บริษัทดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับงานพิมพ์และสื่อโฆษณา ซึ่งในปีนี้ก็จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเลือกตั้งใหม่ ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนในปีนี้ไว้ไม่เกิน 100 ล้านบาทเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจรวมถึงการลงทุนใหม่ ๆ
“ปี 53 ที่จริงเรามีกำไร 28 ล้านบาท แต่ที่ประกาศงบไปยังติดลบอยู่ เพราะว่าเกิดจากการตั้งสำรองเรื่อง parking management แต่ปีนี้ก็คาดว่ารายได้จะโตอย่างน้อย 10% มาจากทั้ง EPCO และ AQUA ที่จะต้องเร่งทำงานมากขึ้น แม้เศรษฐกิจเราจะผันผวนอยู่ตลอดเวลา แต่สิ่อสิ่งพิมพ์ การโฆษณา ก็ยังเป็นที่ต้องการอยู่ และถ้ามีเลือกตั้งจริงราวๆปลายเดือนมิ.ย. ก็คาดว่าจะส่งผลดีในครึ่งปีหลัง"นางชวนพิศ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทอยู่ในระหว่างการว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงิน ชื่อ บริษัท สีลม แอ็ดไวเซอรี่ จำกัด เพื่อกำหนดแนวทางในการดำเนินธุรกิจในปีนี้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปทั้งหมดภายในไตรมาส 2/54
แผนการดำเนินงานเบื้องต้นของ EPCO ในปีนี้ จะมีการขยายธุรกิจที่เป็นการต่อยอดจากธุรกิจเดิม ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทั้งรูปแบบของการลงทุนใหม่ การร่วมทุน รวมถึงการเทคโอเวอร์ เพื่อให้กิจการขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดย EPCO ถือเป็นบริษัทที่มีความพร้อมอย่างมาก ทั้งฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และเป็นบริษัทที่มีหนี้สินอยู่ในระดับต่ำมาก อีกทั้งยังเหลือวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินที่ยังไม่ได้ใช้อีกจำนวนมาก
“เราต้องการให้ PLUS ยืนยาว จึงมาลงทุนใน EPCO ตอนนี้ที่ปรึกษากำลังศึกษาแนวทางว่าจะทำอะไร จะเดินไปทิศทางไหน ถ้ามีเงินลงทุนพอก็อาจจะ takeover กิจการก็ได้ เราเพิ่งเริ่มคิดที่จะศึกษาช่วงไตรมาส 1 นี้ คิดว่าภายใน 1-2 เดือนนี้คงเห็นความชัดเจน ก็ยังจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกับธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโฆษณาที่เราทำอยู่ อย่างหนังสือก็น่าสนใจ เราก็มีโรงพิมพ์อยู่แล้ว ก็ใช้โรงพิมพ์ของเราได้เลย"นางชวนพิศ กล่าว
ส่วน AQUA ซึ่งดำเนินธุรกิจสื่อกลางแจ้งประเภทบิลบอร์ด ปีนี้ก็จะมีการขยายธุรกิจในรูปแบบใหม่ๆมากยิ่งขึ้น ทั้งการต่อยอดจากธุรกิจเดิมที่จะมีการเพิ่มป้ายบิลบอร์ดให้ครอบคลุมพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 100-150 ป้าย จากช่วงแรกที่เปิดบริษัทมีทั้งหมด 90 ป้าย รวมถึงขยายการลงทุนไปในธุรกิจใหม่ๆ เช่น ธุรกิจนิวมีเดียและเทรดดิชั่นแนลมีเดีย เป็นต้น
“AQUA ควรจะเข้าจดทะเบียน หรือจะมาควบรวมกับ PLUS ตอนนี้ทางที่ปรึกษาก็กำลังศึกษาผลดี ผลเสียอยู่"นางชวนพิศ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าเรื่องการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ EPCO คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/54 ซึ่งหาก PLUS สามารถเข้าไปถือหุ้นใน EPCO เพิ่มขึ้นจากที่ถืออยู่ 37% ก็จะส่งผลต่อการเติบโตของบริษัทในอนาคต โดยจะทำให้ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เนื่องจาก EPCO ถือเป็นบริษัทที่มีฐานะมั่นคง จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ และติดอันดับ 1 ใน 10 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงสุด
“เรื่องการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ EPCO ก็คงเร็วๆนี้ ก่อนหน้านี้บริษัท ซิกโก้ แอ็ดไวเซอรี่ ที่เขาจะ support เราได้ถอนตัวไป เราจึงต้องหาบริษัทใหม่ ตอนนี้ก็ได้แล้วเป็นบริษัทเงินทุนจากฮ่องกง ก็จะกู้ยืมเงินเท่าจำนวนที่เราจะทำเทนเดอร์ฯ ตั้งวงเงินเต็มจำนวนไม่เกิน 600 ล้านบาท น่าจะประกาศเริ่มต้นได้ภายในไตรมาส 1/54 แต่ถ้าจบคงจบในไตรมาส 2/54 ตอนนนี้ราคา EPCO ก็ดีมากเมื่อวันศุกร์ปิดที่ 1.94 บาท ก็เท่ากับราคาที่เราจะรับซื้อ"นางชวนพิศ กล่าว