AP คาดกำไรสุทธิปีนี้ดีกว่าปีก่อน แม้อัตรากำไรสุทธิต่ำลงเหลือ 12-13%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 14, 2011 13:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์(AP) คาดว่าปี 54 กำไรสุทธิจะดีกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.23 พันล้านบาท แม้อัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะลดต่ำลงเหลือ 12-13% จากปีก่อนที่อยู่ที่ 14-15% ขณะอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ใกล้เคียงปีก่อนที่ 33% เนื่องจากบริษัทคาดว่าปีนี้รายได้จะเติบโตถึง 25% เป็น 1.7 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.38 หมื่นล้านบาท

ขณะนี้บริษัทมียอดขายรอโอน(backlog)รองรับไว้แล้วถึง 2.5 หมื่นล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้ามียอดจองจำนวน 2 หมื่นล้านบาท โดยไตรมาส 1/54 มียอดจองแล้ว 2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดจอง 900 ล้านบาท

บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ปีนี้ 20 โครงการ มูลค่า 2.35 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท ทาวน์เฮ้าส์ 13 โครงการ มูลค่า 9 พันล้านบาท และบ้านเดี่ยว 1 โครงการ มูลค่า 1.7 พันล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการเดิมที่ยังอยู่ระหว่างเปิดขายอีก 36 โครงการ มูลค่ารวม 2.46 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะปีนี้ทำให้บริษัทมีสินค้าพร้อมขายในมือจำนวน 56 โครงการ มูลค่ารวม 4.8 หมื่นล้านบาท

"net profit margin ปีนี้จะแย่กว่าปีที่แล้ว เพราะว่าปีนี้ไม่มีภาษีเข้ามาช่วย แต่ปีที่แล้วไตรมาสแรก ยังมีภาษีธุรกิจเฉพาะเข้ามาช่วย 3.3% แต่ bottom line น่าจะโตขึ้น เพราะวอลุ่มการขายเราเพิ่มขึ้น"นายอนุพงษ์ กล่าว

สำหรับงบลงทุนจัดซื้อที่ดินปีนี้ ตั้งไว้จำนวน 5.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนที่มีงบซื้อที่ดิน 5 พันล้านบาท โดยบริษัทได้จัดซื้อที่ดินไว้แล้ววงเงิน 1.5 ล้านบาท ยังคงเหลือวงเงินอีก 4 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จัดซื้อที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในปีนี้ นอกจากนี้ ได้เตรียมงบทำการตลาด จำนวน 500 ล้านบาท เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

นายอนุพงษ์ กล่าวว่า บริษัทยังคงตรึงราคาขายบ้านตั้งแต่ไตรมาส 1-3/54 แม้ว่าต้นทุนการก่อสร้างจะสูงขึ้น จากผลของราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แต่บริษัทได้มีการล็อคต้นทุนวัสดุก่อสร้างไว้ได้ แต่คาดว่าจะมีการปรับราคาขายบ้านในไตรมาส 4/54

"ปีนี้ธุรกิจอสังหาฯ จะเติบโตตามจีดีพีที่คาดว่าโต 4% ความต้องการยังมีอยู่ แต่การแข่งขันยังรุนแรงทุก segment ปัจจัยเสี่ยงปีนี้ นอกจากเรื่องเศรษฐกิจแล้ว ยังมีเรื่องการเมือง ปัจจัยภายนอกที่กระทบเศรษฐกิจ ส่วนค่าน้ำมัน และดอกเบี้ย ทำให้ต้นทุนค่าก่อสร้างสูงขึ้น แต่รายใหญ่จะได้เปรียบ เพราะใช้ต้นทุนเก่าไปก่อน ส่วนรายเล็กคิดว่าต้นทุนขึ้นไปแล้วในไตรมาส 2-3"นายอนุพงษ์ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทจะรักษาอัตราหนี้สินต่อทุนที่ระดับ 1 เท่า โดยปัจจุบันมีสัดส่วนหุ้นกู้ 80% ของหนี้สินรวม ที่เหลือ 20% เป็นเงินกู้ จึงเชื่อว่าบริษัทยังมีความสามารถก่อหนี้ได้เพิ่มขึ้น ส่วนการออกหุ้นกู้จะดำเนินการต่อเนื่องทุกปี ซึ่งช่วงต้นปีได้ออกหุ้นกู้ 2 พันล้านบาท และรอดูจังหวะดอกเบี้ยในการเสนอขายหุ้นกู้อีกครั้ง เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ