บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา(CENTEL) คาดว่ากำไรในปี 54 จะใกล้เคียงจุดสูงสุดที่เคยทำได้ในปี 47 ภายใต้เป้าหมายรายได้เติบโตเป็น 1.1 หมื่นล้านบาท จาก 9.4 พันล้านบาทในปี 53 โดยในช่วงไตรมาส 1/54 รายได้เติบโตแล้ว 10-11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากทั้งธุรกิจโรงแรมและอาหารฟื้นตัวขึ้น
ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ 1.5-1.6 พันล้านบาททั้งธุรกิจอาหารและโรงแรม โดยมีแผนเปิดแบรนด์ร้านอาหารใหม่"โยชิโนยา"ในช่วงไตรมาส 3/54 ส่วนธุรกิจโรงแรมคาดว่าปีนี้จะรับบริหารโรงแรมใหม่ 12 แห่ง จากเป้าหมาย 51 แห่งภายในอีก 5 ปีข้างหน้า
นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายการเงินและบริหาร CENTEL กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 54 ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 17-20% จากปี 53 โดยคาดว่ารายได้จากธุรกิจโรงแรมจะเติบโตมากกว่า 20% จาก 4.1 พันล้านบาทในปีก่อนเป็น 5.2 พันล้านบาท ส่วนรายได้ธุรกิจอาหารจะเติบโต 8-10% จาก 5.3 พันล้านบาท เป็น 5.8 พันล้านบาท
ขณะที่กำไรสุทธิในปีนี้มีความเป็นไปได้ที่จะใกล้เคียงกับช่วงปี 2547 ที่กำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่อาจจะยังไม่ทุบสถิติเดิม
“ปีนี้น่าจะเป็นปีที่ดีถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรมาดึงไว้ ภาพรวมเศรษฐกิจโลกก็ยังไปด้วยดี ธุรกิจอาหารก็คงเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญต่อจากปีที่แล้ว ส่วนธุรกิจโรงแรมเราก็เปิดเต็มที่หมดแล้วทั้งพัทยาและภูเก็ตที่เปิดปลายปีที่แล้ว ก็ถือว่าโดดเด่นได้รับการตอบรับที่ดี ส่วนที่เซนทาราแกรนด์ รายได้เดือนต่อเดือนปีนี้กับปีที่แล้วก็ใกล้เคียงกัน"นายรณชิต กล่าว
สำหรับทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/54 ในส่วนของรายได้คาดว่าจะเติบโต 10-11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากช่วง 2 เดือนแรก ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจโรงแรมมีรายได้เติบโต 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนธุรกิจอาหาร ยอดขายโดยรวมเติบโต 23.8% เฉพาะยอดขายร้านเดิมเติบโต 17.5% สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 7-8%
นายรณชิต กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจโรงแรมในปีนี้จะเติบโตขึ้นจากปีก่อน โดยคาดว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับ 65% เพิ่มขึ้นจากปี 53 ที่อยู่ในระดับ 58% ส่วนราคาห้องพักเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นราว 10% จากปี 53 เป็น 3,700-3,800 บาท/คืน
บริษัทยังมีแผนเข้าไปจับจ้างบริหารโรงแรมอีกราว 12 แห่ง ภายในปีนี้ จาก ณ สิ้นปี 53 ที่มี 21 แห่ง แบ่งเป็นในประเทศ 16 แห่ง ต่างประเทศ 5 แห่ง โดยเมื่อช่วงเดือนก.พ.ที่ผ่านมาได้มีการเซ็นสัญญาเข้าไปรับแจ้งบริหารงานแล้ว 7 แห่ง เป็นในประเทศ 5 แห่ง ที่เหลือเป็นต่างประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าภายในอีก 5 ปีจะมีโรงแรมที่ได้เข้าไปรับจ้างบริหารงาน 51 แห่ง จะมีรายได้จากจับจ้างบริหารโรงแรมราว 300 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 26% จากปีที่ผ่านมา และตั้งเป้าว่ารายได้จากการบริหารโรงแรวจะคิดเป็น 10% ของรายได้รวมของธุรกิจโรงแรม
นายรณชิต กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 1.5-1.6 พันล้านบาท ซึ่งจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัททั้งหมด โดยจะใช้ลงทุนทั้งในส่วนของธุรกิจอาหารและโรงแรม อาทิ การปรับปรุงโรงแรมโซฟิเทล เซนทารา ลาดพร้าว คาดว่าจะกลับมาเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบได้ในช่วงไตรมาส 3/54
“เงินลงทุนของเราปีนี้ก็จะมาจากกระแสเงินสดทั้งหมด เราก็จะพยายามรักษา D/E ไว้ไม่เกิน 1.75 เท่า จาก ณ สิ้นปี 53 ที่ระดับ 1.55 เท่า เพื่อจะได้เปลี่ยนเรทติ้งจากระดับ A- เป็น A ในช่วงปลายปีหรือต้นปีหน้า"นายรณชิต กล่าว
ด้านธุรกิจอาหารจะใช้เงินลงทุนในการเปิดสาขาใหม่ ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าเปิดไม่ต่ำกว่า 40 สาขา จาก ณ สิ้นปี 53 ที่ทั้งหมด 512 สาขา หรือเพิ่มเป็น 552 สาขา เน้นในพื้นที่ต่างจังหวัดหรือจังหวัดที่ยังไม่เคยเปิดมาก่อน และบริษัทมีแผนเปิดแบรนด์ร้านอาหารใหม่ "โยชิโนยา"เป็นข้าวหน้าเนื้อจากญี่ปุ่น คาดว่าจะเปิดบริการสาขาแรกพร้อมกับการเปิดให้บริการเซ็นทรัลลาดพร้าวในช่วงไตรมาส 3/54
ปัจจัยเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจในปีนี้ นายรณชิต มองว่า ยังคงเป็นเรื่องการเมือง แต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่มีเหตุการณ์ที่รุนแรงเกิดขึ้น และในปีนี้จะมีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งก็ต้องรอติดตาม ส่วนเรื่องอื่นๆก็มีราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น อีกปัจจัยก็เป็นเรื่องแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งก็คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยคงมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ในปีนี้เพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อ
ส่วนกรณีการเกิดสึนามิและแผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มองว่าไม่น่ามีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทมากนัก เนื่องจากสัดส่วนลูกค้าประเทศญี่ปุ่นของบริษัทมีเพียงแค่ 3% เท่านั้น