นายสว่าง ประจักษ์ธรรม ประธานกรรมการ บมจ.ไทยออพติคอล กรุ๊ป (TOG)เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 54 เติบโต 20% มาที่ 1,735 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,445 ล้านบาท เป็นไปตามที่บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตปีละ 300 ล้านบาท จนกระทั่งแตะ 2,600 ล้านบาทในปี 57 ซึ่งเติบโตเกือบ 2 เท่าจากปี 53 ทั้งนี้ รายได้ที่เติบโตขึ้นมาจากหลายทาง ทั้งจากคำสั่งซื้อที่ได้ตกลงกับลูกค้าแล้ว และอยู่ระหว่างการเจรจา
"ที่จะโตอีก 300 ล้านบาท/ปี เป็นตัวเลขที่จะได้ อีกทั้งมีการเพิ่มผลิตเลนส์มูลค่าเพิ่มสนับสนุนด้วย ปี 54 รายได้กระโดดใกล้ 20% ที่กล้าตั้งเป้า เพราะปีนี้เป็นปีที่เราขยายกำลังผลิตพร้อมทำได้ทันที สามารถเห็นปริมาณที่เพิ่มขึ้นเต็มปี ปีถัดไปโต 15% เพราะโตจากฐานที่ใหญ่และถัดไปโต 12-13%"นายสว่าง กล่าว
ทั้งนี้ ปี 54 บริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรสุทธิที่ 10% จากปีก่อนอยู่ที่ 9.7% เนื่องจากคาดว่าจะมีรายได้มาจากเลนส์สั่งฝนพิเศษ ซึ่งเป็นทั้งการขายและบริการที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่าปกติ ประกอบกับ ผลิตภัณฑ์ใหม่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าค่อนข้างดี โดยเฉพาะเลนส์กันกระแทกสูง ซึ่งมีแนวโน้มได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น จากการทำตลาดของผู้ขายวัตถุดิบในยุโรปตะวันตก ดังนั้น หากรับรู้รายได้จากส่วนนี้มากขึ้น จะส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มมากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้บริษัทจะรักษาที่ 25% เฉลี่ยเท่า ๆ กันทุกปี
บริษัทได้ตั้งงบลงทุนจำนวน 30 ล้านบาทในปีนี้ เพื่อซื้อเครื่องจักรในการผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้น คือ เลนส์กันแทกระดับสูงแบบพิเศษ ขณะนี้ได้มีการส่งตัวอย่างสินค้าให้ลูกค้าแล้ว คาดว่าจะมีการผลิตออกมาสู่ตลาดได้อีก 2 เดือนข้างหน้า ส่วนเลนส์พลาสติกชนิด CR39 คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ใน พ.ค.54 มีกำลังการผลิต 2 ล้านแผ่น/เดือน คาดเริ่มรับรู้รายได้ในเดือน พ.ค.
อนึ่ง ในปี 57 บริษัทตั้งเป้าเพิ่มมีสัดส่วนเลนส์มูลค่าเพิ่มขยับขึ้นเป็น 45% เลนส์พื้นฐาน 55% จากปัจจุบันเลนส์มูลค่าเพิ่ม 35% และเลนส์พื้นฐาน 65%
สำหรับความคืบหน้าการขยายห้องแล็บในต่างประเทศ บริษัทได้มีการศึกษาที่ประเทศเวียดนามไว้แล้ว แต่ติดปัญหาเรื่องเงินเฟ้อในเวียดนาม จึงขอชะลอแผนออกไปเพื่อรอดูสถานการณ์ให้ดีก่อน ดังนั้น ช่วงแรกจะร่วมกับคู่ค้าที่เวียดนามนำสินค้าวางขายเพื่อสำรวจความต้องการของตลาด นอกจากนี้ ยังพิจารณาในอีกหลายประเทศ เช่น พม่า ที่จะมีการนำสินค้าไปวางตลาดก่อน รวมถึงที่ฟิลิปปินส์ และตุรกี
"ห้องแลปที่เวียดนามจะช้าจากที่คาดเพราะแนวโน้มเงินเฟ้อค่อนข้างสูงมากไม่เป็นผลดีต่อการลงทุนจึงอยากเห็นภาพให้ชัดเจนก่อน" นายสว่าง กล่าว
นายสว่าง กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวญี่ปุ่นและสึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น ในระยะสั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัท และในระยะยาวน่าจะเป็นบวก เพราะเป็นโอกาสของไทยจะสามารถเจรจากับคู่ค้าญี่ปุ่นจัดตั้งแหล่งผลิตสำรองเพิ่มขึ้นในอนาคต แต่คงไม่มีการสร้างโรงงานใหม่แต่ใช้พื้นที่ที่มีอยู่ เช่น เลนส์สั่งฝนพิเศษ ทำให้มีศักยภาพมากขึ้น สามารถขยายพื้นที่เดิมโดยเติมเครื่องจักร ขยายเวลาทำงานได้