นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน (ROBINS) คาดว่า ยอดขายในปี 54 จะเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อนที่เติบโตในระดับ 15% โดยในปีก่อนมียอดขาย 1.48 หมื่นล้านบาท ซึ่งมาจากสาขาเดิมที่เติบโต 8-9% เนื่องจากธุรกิจค้าปลีกในปีนี้ยังดีต่อเนื่องจากปี 53 และการที่เศรษฐกิจฟื้นตัวทำให้บรรยากาศในการจับจ่ายกลับมา
ทั้งนี้ 2 เดือนแรกของปีนี้ยอดขายยังมี momentum ต่อเนื่องจากปลายปีก่อน ทำให้ออกมาดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะสาขาเดิมในต่างจังหวัดจะมียอดขายเติบโตมากกว่าในกรุงเทพฯ เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรดีทำให้ผู้บริโภคมีรายได้มากขึ้น อีกทั้งประชาชนในต่างจังหวัดเปลี่ยนไลฟ์สไตล์
บริษัทได้เตรียมงบลงทุน 4 พันล้านบาทในช่วงปี 54-55 มาจากกระแสเงินสด ไม่จำเป็นต้องใช้เงินกู้ โดยจะแบ่งเป็นงบลงทุน 3.5 พันล้านบาท ในการเปิดสาขาใหม่ไม่ต่ำกว่า 7 แห่ง จากปัจจุบันมี ซึ่งในปี 54 จะเปิด 3 แห่ง ที่ จ.เชียงรายจะเปิดในวันที่ 30 มี.ค., จ.พิษณุโลก เดือน ก.ย.และ สาขาพระราม 9 เปิดในเดือน ธ.ค. ขณะที่ปี 55 จะเปิดอีก 4 แห่ง ไตรมาสแรกจะเปิดที่ จ.สุพรรณบุรี, ไตรมาส 2/55 ที่บางนา, ปลายไตรมาส 2/55 ที่บางแค และปลายไตรมาส 3/55 ที่จ.สุราษฎร์ธานี
ปัจจุบัน ห้างสรรพสินค้าโรบินสันมีทั้งสิ้น 23 สาขา
ส่วนอีก 500 ล้านบาทจะใช้ปรับปรุงสาขาเดิม ได้แก่ ในปีนี้จะมีการปรับปรุงสาขารังสิต ภูเก็ต เชียงใหม่ และอุดรธานี รวมถึงสาขาสุขุมวิทที่จะอาจจะต่อเนื่องไปถึงปี 55 ด้วย ส่วนสาขารัชดาภิษก ซึ่งจะหมดสัญญาเช่าที่ดินในเดือน เม.ย.55 ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับเจ้าของที่ดินเพื่อต่อสัญญา คาดว่าจะได้คำตอบในเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่ได้รับการต่อสัญญา แต่คาดว่าจะสาขาพระราม 9 เข้ามาทดแทนได้ทันเวลา
นายปรีชา กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นปีละ 0.2-0.3% ซึ่งในปี 53 อยู่ที่ 23.8% ดังนั้น ในปีนี้ก็น่าจะเพิ่มขึ้นได้ตามเป้าหมาย ซึ่งบริษัทจะเน้นการเพิ่มยอดขายเพื่อให้อำนาจการต่อรองที่สูงขึ้น อีกทั้ง ผลักดันการขายสินค้า inhouse brand ซึ่งจะเพิ่มเป็น 10% ภายใน 2 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ที่ 7% เนื่องจากมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 30-40% และจะเน้นไปที่การบริหารจัดการ inter brand ให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มสัดส่วนยอดขาย
"ยอดขายปี 53 โตเนื่องจากค้าปลีกมันไม่ดีมา 4 ปีแล้ว พอปี 53 ดีก็น่าจะดีต่อเนื่องถึงปี 54 ด้วย ตลาดน่าจะดีต่อเนื่อง ขณะเดียวกันผลประกอบการก็จะดีต่อเนื่อง ขณะนี้ได้เร่งเปิดสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 3-4 สาขาต่อปี จากเดิมเปิดปีละ 1 สาขา เพราะเราพร้อมและเตรียมการมาดี" นายปรีชา กล่าว
สำหรับปัจจัยเสี่ยงในปีนี้ นายปรีชา มองว่า ประเทศไทยอยู่ในสถานะที่ดีมาก และคาดว่ายังดีต่อไป ส่วนในระยะสั้นบริษัทก็จะต้องเตรียมรับมือกับปัจจัยที่อาจจะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา