ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงถ้วนหน้าเมื่อคืนนี้ (14 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายหุ้นกลุ่มประกันและกลุ่มสาธารณูปโภคพื้นฐาน อันเนื่องมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น นอกจากนี้ ตลาดยังถูกปกคลุมด้วยความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีที่โรงงานนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีดิ่งลง 114.86 จุด หรือ 1.65% ปิดที่ 6,866.63 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 6,847.94-6,946.44 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสร่วงลง 50.64 จุด หรือ 1.29% ปิดที่ 3,878.04 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,871.22-3,839.50 จุด
ดัชนี FTSEurofirst 300 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบลูชิพในตลาดยุโรปร่วงลง 13.15 จุด หรือ 1.17% ปิดที่ 1,109.38 จุด
หุ้น E.ON ปิดร่วงลง 5.3 % เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของอุตสาหกรรมนิวเคลียร์หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในญี่ปุ่นได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสี โดยมีรายงานว่าทางการญี่ปุ่นพยายามสกัดกั้นการหลอมละลายที่โรงงานนิวเคลียร์หลังจากเกิดการระเบิดที่เตาปฏิกรณ์ ซึ่งกระแสความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวส่งผลให้รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ประกาศระงับการอนุมัติโรงงานนิวเคลียร์บางแห่งแล้ว
ดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคของยุโรปร่วงลงอย่างหนักถึง 2.1% ขณะที่หุ้นกลุ่มประกันดิ่งลงเช่นกัน หลังจากรายงานของ AIR Worldwide ระบุว่า ธุรกิจประกันอาจจะเผชิญกับการจ่ายเงินชดเชยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในญี่ปุ่นเป็นวงเงินสูงถึง 2.8 ล้านล้านเยน หรือ 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นสวิส รี และหุ้นมิวนิค รี ปิดร่วงลงกว่า 3% หุ้นเอวิวา ซึ่งเป็นบริษัทประกันรายใหญ่อันดับ 2 ของอังกฤษ ปิดร่วงลง 3.1% ส่วนหุ้นเรสโซลูชั่น ซึ่งเป็นบริษัทประกันรายใหญ่ของยุโรป ปิดร่วง 1.9%