ตลาดหุ้นไทยเปิดทำการเช้าวันนี้ร่วงไปแล้วกว่า 15 จุด จากความกังวลปัจจัยลบที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ โดยเฉพาะจากเหตุการณ์ภัยพิบัติในญี่ปุ่นที่อาจกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงการระเบิดอย่างต่อเนื่องของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่น ขณะที่สถานการณ์ในตะวันออกกลางที่กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง
เมื่อเวลา 9.57 น.ดัชนี SET เปิดที่ 1,007.5 จุด ลดลง 15.35 จุด (-1.50%)
ล่าสุด เมื่อ 10.13 น.ดัชนี SET อยู่ที่ 1,007.77 จุด ลดลง 15.12 จุด(-1.48%)
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เปิดตลาดฯร่วงลงทันทีกว่า 10 จุด ซึ่งเป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้า โดยเฉพาะดัชนีหุ้นนิกเกอิก็ปรับตัวลง 6% ทั้งนี้ เป็นผลจากที่ช่วง 6 โมงเช้าวันนี้โดยประมาณได้เกิดแรงระเบิดที่บริเวณโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และต่อมาก็เกิดไฟไหม้ลุกลาม ทำให้เกิดความกังวลถึงแนวโน้มที่จะเกิดสารกัมมันตภาพรังสีแพร่กระจายออกไป ส่งผลให้มีแรงขายออกมาไปทั่วทั้งเอเชีย
อย่างไรก็ตาม ตลาดบ้านเรายังถือว่าแข็งแกร่งกว่าตลาดอื่น เพราะตลาดบ้านเรามีน้ำหนักในส่วนของกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี ค่อนข้างมาก ซึ่งก็ยังมีความคาดหวังว่าจะได้รับประโยชน์จากที่โรงกลั่นในญี่ปุ่นปิดไป รวมถึงโรงปิโตรเคมีด้วย ซึ่งล่าสุดค่าการกลั่นในเอเชียได้พุ่งขึ้นถึงระดับ 10.17 เหรียญฯ/บาร์เรล แล้ว
สำหรับการเปิดอภิปรายฯในวันนี้มองว่าคงจะดำเนินไปตามขั้นตอนของระบบการการเมือง และสุดท้ายก็น่าจะผ่านไปได้ เพราะนายกรัฐมนตรีเตรียมจะประกาศยุบสภาในต้นเดือนพ.ค.นี้อยู่แล้ว จึงไม่ได้น่ามีอะไรมากนัก
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ของดัชนี SET วันนี้ที่ 1,010-1,020 จุด