บมจ.ไทยออยล์(TOP)คาดว่ารายได้และกำไรในช่วงครึ่งแรกของปี 54 จะออกมาดีกว่าครึ่งแรกของปี 53 เนื่องจากได้รับอานิสงส์กำลังการผลิตของญี่ปุ่นที่หายไปหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิ ซึ่งทำให้ค่าการกลั่นรวม(GIM)ในขณะนี้พุ่งขึ้นแตะระดับ 9 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอีก โดยค่าการกลั่นเฉลี่ยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TOP กล่าวว่า ราคาน้ำมันสำเร็จรูปหลายตัวราคาปรับดีขึ้น จากที่โรงกลั่นน้ำมันในญี่ปุ่นเสียหายที่ทำให้กำลังการผลิตหายไป 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวันหรือ 25%ของการผลิตทั้งประเทศญี่ปุ่น ทำให้บริษัทได้รับผลดีจากการที่บริษัทมีการกลั่นน้ำมันดีเซล และน้ำมันอากาศยานมากเป็นสัดส่วนมากถึง 65% ของกำลังการผลิต ซึ่งคาดว่าราคาน้ำมันจะปรับขึ้นสูงในระยะสั้น
ขณะเดียวกันเชื่อว่าราคาน้ำมันเตาจะปรับตัวดีขึ้นในระยะยาว เพราะจากการที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่นเสียหาย ทำให้ต้องนำเข้าน้ำมันเตาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่ากว่าจะฟื้นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์คงต้องใช้เวลาอีกนาน ทำให้ภาพธุรกิจโรงกลั่นในปีนี้ยิ่งดีขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ ญี่ปุ่น เป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดีเซล 5 แสนลิตร/วัน และ น้ำมันเตา 5 แสนลิตร/วัน เมื่อกำลังการผลิตหายไป จึงส่งผลให้การส่งออกคงจะยังไม่มีในช่วงนี้
"เชื่อว่าตลอดเดือนมีนาคมธุรกิจเป็นภาพบวก แนวโน้มที่ GIM จะสูงกว่า 9 เหรียญ....ครึ่งปีแรกนี้เทรนภาพรวมเป็นบวก ปัญหาในตะวันออกกลางคงไม่จบง่ายๆ"นายสุรงค์ กล่าว
ทั้งนี้ ส่วนต่างระหว่างราคาน้ำมันดิบดูไบกับราคาน้ำมันสำเร็จรูป ณ ขณะนี้สูงถึง 25 เหรียญ/บาร์เรล จากปกติมีส่วนต่างประมาณ 15 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ ค่าการกลั่น(GRM) ขึ้นมาอยู่ที่ 6 เหรียญ/บาร์เรล รวมทั้งราคาผลิตภัณฑ์พาราไซลีน วันนี้ปรับขึ้นแล้ว 100 เหรียญ/ตัน เป็น 1,700 เหรียญ/ตัน จากสัปดาห์ที่แล้วราคาอยู่ที่ 1,600 เหรียญ/ตัน ทำให้สเปรดก็สูงขึ้นตามไปด้วย