นายปิติพงศ์ พิศาลบุตร กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.นวกิจประกันภัย(NKI)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว-สึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น มาจนถึงบัดนี้ทางบริษัทฯยังไม่สามารถติดต่อกับพันธมิตรญี่ปุ่น คือ บริษัท นิปปอน โคอะ อินชัวรันส์ จำกัด ได้เลย ซึ่งขณะนี้ นิปปอน โคอะฯ ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯในสัดส่วน 10%
"เชื่อว่านิปปอน โคอะฯ คงโดนผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติที่ญี่ปุ่น เพราะนิปปอนฯ เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ 1-5 ของธุรกิจประกันภัยในญี่ปุ่น แต่ตอนนี้เชื่อว่าทางเขาเองก็คงจะห่วงเรื่องของพนักงานของเขามากกว่า เนื่องจากนิปปอนฯก็มีสาขาในญี่ปุ่นอยู่มาก"นายปิติพงศ์ กล่าว
กรรมการผู้อำนวยการ NKI กล่าวว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯแต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทฯไม่ได้รับงานประกันภัยในญี่ปุ่น แต่อาจจะกระทบก็เล็กน้อยเท่านั้นในเรื่องของความล่าช้าการขนส่งสินค้าที่สั่งมาจากญี่ปุ่นที่บริษัทรับประกันภัยไว้
"ความเสียหายที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นตอนนี้ยังไม่มีใครตอบได้ว่าเสียหายเท่าไร คงจะต้องรอประมาณ 1 เดือน จึงจะประเมินคร่าว ๆ ได้ว่าความเสียหายเท่าไร แต่ทางบริษัทฯแม้ว่าจะมีพันธมิตรเป็น นิปปอน โคอะฯ แต่บริษัทฯก็ไม่ได้รับผลกระทบเลยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ แม้ว่าที่ผ่านมาเราจะส่งงานประกันต่อไปให้เขาด้วย แต่ตัวงานที่ส่งให้เขารับประกันอยู่ที่เมืองไทย ไม่ได้มีความเสียหายอะไร"กรรมการผู้อำนวยการ NKI กล่าว
อีกทั้ง เชื่อว่าทาง นิปปอน โคอะฯ คงจะมีการส่งการรับประกันภัยต่อไปยังบริษัทฯอื่นด้วย ซึ่งก็คงจะเป็นบริษัทประกันภัยในยุโรป และสหรัฐฯ ดังนั้น หากมีปัญหาก็ย่อมที่จะมีบริษัทที่รับประกันภัยต่อไว้เข้ามามาช่วยเหลืออยู่แล้ว
นายปิติพงศ์ ยังเชื่อว่า จากเหตุการณ์ภัยพิบัตินี้คงจะไม่ทำให้ นิปปอนฯ ต้องขายหุ้น NKI ทิ้ง เนื่องจากทางนิปปอนฯมีแผนที่จะขยายธุรกิจในต่างประเทศอยู่แล้ว และจำนวนหุ้น NKI ที่นิปปอน โคอะฯ ถืออยู่เมื่อเทียบสินทรัพย์เขาคิดเป็นสัดส่วนแค่เล็กน้อยเท่านั้น ประกอบกับ นิปปอน โคอะฯ เป็นบริษัทฯที่มีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินที่ดีอยู่แล้ว "สิ่งที่บริษัทฯจะทำได้ในตอนนี้ก็คือ การแสดงความเสียใจไปทางเขา และรวบรวมเงินช่วยเหลือส่งไปให้เขา ซึ่งเงินช่วยเหลือนี้ก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่เรามีน้ำใจนะ"นายปิติพงศ์ กล่าว
*ตั้งเป้าเบี้ยประกันรับปีนี้โต 12-13% จากปี 53 ที่มี 1,960 ลบ.
กรรมการผู้อำนวยการ NKI กล่าวว่า ปีนี้บริษัทฯได้ตั้งเป้าเบี้ยประกันรับเติบโต 12-13% จากปี 53 ที่มีเบี้ยประกันรับรวมอยู่ 1,960 ล้านบาท โดยปีนี้มีแผนจะออกกรมธรรม์ใหม่ 3-4 กรมธรรม์ โดยในอีก 1-2 เดือนนี้ก็จะออกกรมธรรม์ใหม่มานำเสนอต่อผู้ทำประกัน ซึ่งกรมธรรม์ใหม่เป็นประเภทรับประกันภัยรถยนต์, สุขภาพ ทรัพย์สิน เป็นต้น
สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 1/54 ก็คาดว่าจะเติบโตดี จากเบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่มีเพิ่มขึ้น ทั้งนี้คงเป็นผลจากเศรษฐกิจไทยที่มีการขยายตัวดีขึ้น