ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (15 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยบการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีที่โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่น รวมทั้งความกังวลที่ว่าวิกฤตการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับญี่ปุ่นในครั้งนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นและเศรษฐกิจทั่วโลกด้วย
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีดิ่งลง 218.97 จุด หรือ 3.19% ปิดที่ 6,647.66 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 6,483.39-6,714.83 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสร่วงลง 97.19 จุด หรือ 2.51% ปิดที่ 3,780.85 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,713.07-3,820.79 จุด
ดัชนี FTSEurofirst 300 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบลูชิพในตลาดยุโรป ปิดลบ 24.68 จุด หรือ 2.22% แตะที่ 1,084.70 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นทั่วยุโรปเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ในญี่ปุ่น หลังจากนายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง ของญี่ปุ่นเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า การรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีที่โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิม่าอยู่ในระดับสูงพอที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์และเคมีภัณฑ์ที่คำนวณในดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลงอย่างน้อย 1.5% หลังจากมีรายงานว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในญี่ปุ่นได้ส่งผลให้บริษัทผลิตรถยนต์และเคมีภัณฑ์หลายแห่งต้องระงับการผลิตในญี่ปุ่น โดยหุ้นบริษัทเรโนลท์ ซึ่งถือหุ้นอยู่ในบริษัทนิสสัน มอเตอร์ ของญี่ปุ่นอยู่ราว 43% ปิดร่วงลง 1.6% หุ้นโฟล์คสวาเก้น เอจี ปิดร่วง 3.8% หุ้น BASF SE ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์รายใหญ่ระดับโลก ปิดร่วง 4% และหุ้นโรเดีย เอสเอ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์รายใหญ่ของฝรั่งเศส ปิดร่วง 3.2%
หุ้น E.ON และหุ้น RWE ซึ่งเป็นบริษัทสาธารณูปโภครายใหญ่ของเยอรมนี ปิดร่วง 2.8% และ 3.6% ตามลำดับ
นางแองเจลาร์ แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวว่า รัฐบาลจะปิดโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ทุกแห่งที่เริ่มดำเนินการในช่วงปลายปีพ.ศ. 2523 ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นอิเล็กทริกซิตี เดอ ฟรองซ์ เอสเอ ร่วงลง 1.4%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงตามราคาโลหะพื้นฐานในตลาดโลก รวมถึงทองแดงและนิกเกิล โดยหุ้นอันโตฟากัสต้าปิดร่วง 1.7% หุ้นเวแดนตา รีซอสเซส ปิดร่วง 1.2% หุ้นริโอทินโตปิดลบ 1% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปิดร่วง 1.7%