บทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)มองว่า ผลกระทบจากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติและการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศญี่ปุ่น คาดจะส่งผลกระทบทางลบต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมในระยะสั้น โดยเราประเมินว่าความเสียหายที่ยังไม่สามารถขีดกรอบได้อย่างชัดเจนจะมีผลต่อการชะลอการตัดสินใจเข้ามาลงทุนของนักลงทุนชาวญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบในระยะยาวเราประเมินว่าจะส่งผลบวกต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมเนื่องจากคาดว่าการรื้อฟื้นหรือก่อสร้างโรงงาน ผลิตรถยนต์หรือชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศญี่ปุ่นอาจ จะมีต้นทุนสูงขึ้นและยังคงมีความเสี่ยงต่อการเกิดผลกระทบทางภัยธรรมชาติได้ ดังนั้น ประเทศไทยจะได้รับผลดีในเชิงของการขยายกำลังการผลิตหรือขยายโรงงานเพื่อเป็นฐานกำลังการผลิตให้กับโรงงานในญี่ปุ่น รวมทั้งการเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อชดเชยการผลิตที่ลดลงในช่วงที่ได้รับผลกระทบ
ด้านบทวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย คาดว่า ผลกระทบจากภัยสึนามีในญี่ปุ่นจะส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนในประเทศไทยเพียงระยะสั้น ขณะที่กลุ่มยานยนต์และเคมีภัณฑ์ดันตัวเลข BOI เดือนกุมภาพันธ์สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) รายงานตัวเลขขอรับการส่งเสริมการลงทุนกลับมาเติบโตอีกครั้งในเดือนก.พ.54 โดยอยู่ที่ 4.09 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 101% YoY และ 44% MoM รวมทั้งสูงกว่าค่าเฉลี่ยต่อเดือนในปี 53 ที่ 3.73 หมื่นล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากกลุ่มโลหะ(เกี่ยวกับยานยนต์) และกลุ่มเคมีภัณฑ์ พลาสติกและกระดาษ
นอกจากนี้ จำนวนโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ในเดือนที่สองของปียังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 62% YoY และ 24% MoM มาอยู่ที่ 149 โครงการ ซึ่งเราเชื่อว่าตัวเลขดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นต่อเป้าหมายยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนของ BOI ในปีนี้ที่ 4.474 แสนล้านบาทหรือทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 53 นอก
กลุ่ม Industrial Estate เรายังชอบ AMATA มากที่สุด เนื่องจาก AMATA น่าจะได้ประโยชน์มากที่สุดเมื่ออุปสงค์การขายที่ดินฟื้นตัว เรายังคงคำแนะนำ Overweight กลุ่ม Industrial Estate และแนะนำ Buy สำหรับ AMATA (ราคาพื้นฐาน 19 บาท), HEMRAJ (ราคาพื้นฐาน 2.4 บาท), ROJNA (ราคาพื้นฐาน 13.5 บาท) และ TICON (ราคาพื้นฐาน 15.8 บาท)