บมจ.กรุงเทพประกันภัย(BKI) ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรวมเติบโต 4% มาที่ประมาณ 11,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีเบี้ยประกันภัยราว 10,640 ล้านบาท โดยทั้งเป้าหมายมีกำไรจากการรับประกันภัยสูงกว่า 10% ในปีนี้ จากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 10.6% แต่ในแง่ของกำไรอาจจะลดลงจากปีก่อน เนื่องจากกำไรจากการลงทุนไม่ดีเท่ากับปีก่อน
นายพนัส ธีรวณิชย์กุล ผู้อำนวยการใหญ่ BKI กล่าวว่า การเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับในปีนี้จะมาจากการขยายประกันอัคคีภัย 12% ประกันภัยทางทะเล 8% ประกันภัยรถยนต์ 8% และประกันภัยเบ็ดเตล็ด 7% ทั้งนี้ มองว่าตลาดประกันภัยในช่วง 3 ปีข้างหน้ายังเติบโตได้ในระดับ 7-9% ต่อปี
บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้ต่ำกว่าปี 53 ที่ 1,232 ล้านบาท เนื่องจากกำไรจากการลงทุนของบริษัทในปีนี้ไม่ดีเท่าปีก่อน โดยในปี 53 กำไรจากการลงทุนคิดเป็น 53% ของกำไรสุทธิ แต่ปีนี้คาดว่าการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์คงไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่ดีเหมือนปีที่ผ่านมา ขณะที่ต้นทุนก็ไม่ถูกแล้ว Fund flow ไม่ได้ไหลเข้ามามากเหมือนปีก่อน ดังนั้น สถานการณ์การลงทุนก็ยังประเมินได้ยาก
อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ไม่ได้เน้นการลงทุนในหุ้นที่การซื้อขายเท่านั้น แต่จะเข้าถือหุ้นในหลักทรัพย์ที่เป็นพันธมิตรที่ดี และเพื่อรอรับปันผล ซึ่งในปีนี้สัดส่วนกำไรจากการลงทุนก็ยังน่าจะมากกว่ากำไรจากการรับประกันภัย
"bottom line ปีนี้จะลดลงจากก่อนเล็กน้อย เพราะรายได้จากการลงทุนปีนี้ไม่ดีเหมือนเดิม แต่ธุรกิจรับประกันภัยน่าจะใกล้เคียงหรือโตขึ้น"นายพนัส กล่าว
นายพนัส กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทยังคงเน้นสขยายพอร์ตลูกค้ารายย่อย ซึ่งเป็นตัวกระจายความเสี่ยงได้มาก และปีนี้จะมีการประกันภัยในโครงการเมกะโปรเจ็กต์มากขึ้น ขณะที่ประกันภัยรถยนต์ เน้นในตลาดต่างจังหวัด ควบคู่กับประกันสุขภาพที่จะเน้นเรื่องไลฟ์สไตล์แนวใหม่
ส่วนเหตุการณ์ภัยพิบัติที่ญี่ปุ่นไม่มีผลกระทบโดยตรงกับบริษัท เพราะไม่ได้รับงานประกันภัยจากญี่ปุ่น แต่ก็ทำให้คาดการณ์ว่าต่อไปความเสี่ยงด้านภัยพิบัติในประเทศไทยก็เพิ่มขึ้น ถึงแม้ที่ผ่านมาภัยธรรมชาติไม่เสี่ยง แต่ปัจจุบันมีความถี่ขึ้นและรุนแรงมากขึ้น
"หลังสึนามิญี่ปุ่น ทำให้เราอาจจะต้องยอมรับไทยมีโอกาส impact ภัยธรรมชาติได้ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว และหลังมีประสบการน้ำท่วมเมื่อปลายปี 53 นโยบายรับประกันภัยก็ได้ปรับให้เหมาะสมรัดกุมขึ้น วิธีบริหารความเสี่ยงภัยธรรมชาติถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยมากขึ้น"นายพนัส กล่าว