นายบุญยง ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) คาดว่าในปี 54 บริษัทจะมีกำไรเกินกว่า 100 ล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนตามรายได้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.3-2.4 พันล้านบาทในปีนี้ เติบโต 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2.1 พันล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 1/54 บริษัทมีรายได้เติบโตราว 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นไปตามการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจ และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่สูงขึ้นตามราคาสินค้าเกษตร
และบริษัทคาดว่ายอดเก็บค่าชำระในปีนี้จะอยุ๋ที่ประมาณ 91% ของบัญชีลูกค้ารวม เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ระดับ 87.40% และบริษัทจะพยายามรักษาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ไว้ที่ต่ำกว่า 5% เท่ากับปีก่อน
นายบุญยง กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทคาดว่าสินค้าสำหรับตลาดประเภทร้านค้าจะมีแนวโน้มเติบโตสูง แม้จะมีอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)ประมาณ 38-40% ต่ำกว่าสินค้าสำหรับตลาดประเภทครัวเรือนที่มีมาร์จิ้นประมาณ 45% แต่ราคาขายมีมูลค่าสูงกว่าเฉลี่ยที่ 4-5 หมื่นบาท ขณะที่สินค้าสำหรับครัวเรือนราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 1-2 หมื่นบาท
“สินค้าที่ขายให้ร้านค้ามีแนวโน้มโตสูง มีมูลค่าสูง และสินค้าพวกนี้ไม่ค่อยมีคู่แข่ง อย่างเช่นตู้แช่เบียร์ที่เริ่มขายเมื่อเดือน ม.ค. ก็มียอดขายเฉลี่ยต่อเดือน 100 ตู้ ระยะยาวก็น่าดีกว่านี้ ส่วนตู้เติมเงินมือถือปีนี้ก็น่าจะขายได้ 800-900 ตู้ต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 400 ตู้ต่อเดือน ตู้แช่เครื่องดื่มก็น่าจะอยู่ที่ 1,100 ตู้ต่อเดือน"นายบุญยง กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าสัดส่วนบัญชีลูกค้าร้านค้าในปีนี้จะปรับขึ้นมาเป็น 35% จากปีก่อนอยู่ที่ 25% ส่วนบัญชีลูกค้าครัวเรือนจะลดสัดส่วนลงเหลือ 65% จากปีก่อนอยู่ที่ 75% และเชื่อว่าภายในอีก 2 ปีข้างหน้า สัดส่วนบัญชีลูกค้าร้านค้าจะเพิ่มเป็น 50% เท่ากับบัญชีลูกค้าครัวเรือน
นายบุญยง กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุนในปีนี้ที่ 150 ล้านบาท โดยจะใช้ในการส่งเสริมแรงจูงใจให้พนักงาน 100 ล้านบาท ใช้เปิดสาขาใหม่ 10 สาขา 20 ล้านบาท และใช้เป็นงบโฆษณาประมาณ 30 ล้านบาท
สำหรับรายได้ในไตรมาส 1/54 คาดว่าจะเติบโต 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรก็คงเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน โดยรายได้ในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านก็เติบโตเฉลี่ย 20% แล้ว ซึ่งสินค้าที่ขายดีในช่วงนี้ก็เป็นตู้เติมเงินมือถือและตู้แช่ต่าง ส่วนเครื่องปรับอากาศก็ยังเติบโต แต่อาจจะไม่เท่าปีก่อนเพราะอากาศปีนี้ไม่ค่อยร้อนมากนัก
ส่วนความคืบหน้าเรื่องการให้บริการสินเชื่อเพื่อการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์มาใช้ก๊าซ LPG/NGV ทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิง ปัจจุบันคืบหน้าไปมากแล้ว ซึ่งขณะนี้บริษัทได้พันธมิตรแล้ว 2-3 ราย กำลังเจรจาในรายละเอียด คาดว่าจะได้ข้อสรุปและเปิดให้บริการได้ราวไตรมาส 2/54
ขณะที่กลยุทธการให้ร้านค้าโชห่วย ซึ่งเป็นลูกค้าเดิมของบริษัท มาเป็นตัวแทนในการจำหน่ายสินค้า ขณะนี้มีร้านค้าเข้ามาร่วมแล้ว 200 ร้าน จากเป้าที่ตั้งไว้ที่ 500 ร้าน
นายบุญยง กล่าวว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น ไม่ส่งผลกระทบกับบริษัท เพราะสินค้าของบริษัทที่จำหน่ายส่วนใหญ่จะผลิตในประเทศ