นายสุพจน์ สุนทรินคะ ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์และพัฒนาธุรกิจ บมจ.สาลี่อุตสาหกรรม (SALEE) เปิดเผยว่า ในปี 54 บริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 30-35% ใกล้เคียงกับปีก่อน หลังความต้องการสินค้ายังมีอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่บริษัทสามารถปรับราคาขายสินค้าโมเดิลเดิมได้ตามต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น และสินค้าโมเดลแบบใหม่ใช้ต้นทุนวัตถุดิบใหม่ในการคำนวณ
อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 20-30% โดยสัดส่วนรายได้จะมาจากธุรกิจผลิตชิ้นส่วนพลาสติก 50% แบ่งเป็นการผลิตแม่พิมพ์ 10% การฉีดและขึ้นรูปพลาสติก 40% ขณะที่ะธุรกิจผลิตฉลากสินค้ามีสัดส่วนรายได้ประมาณ 50%
“ที่ผ่านมารายได้เราโตปีละ 30% มองว่า ณ ฐานปัจจุบันที่มีอยู่ยังเป็นไปได้ เพราะรายได้ในปัจจุบันยังไม่สูงมาก 2-3 ปี ข้างหน้าการโตปีละ 20-30% น่าจะเป็นไปได้อยู่"นายสุพจน์ กล่าว
ในช่วงครึ่งหลังปี 54 บริษัทจะมีการศึกษาและมีข้อสรุปในการวางแผนขยายกำลังการผลิต ด้วยการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งโรงงานปัจจุบันที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ยังมีพื้นที่เหลืออีก 5-6 ไร่ สามารถรองรับการก่อสร้างโรงงานได้อีก 2 โรง ขณะที่ในปีนี้โรงงานเดิมยังสามารถรองรับการผลิตที่เพิ่มขึ้นได้
นายสุพจน์ กล่าวถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึมานิที่ประเทศญี่ปุ่นว่า ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัท เนื่องจากตลาดส่วนใหญ่อยู่ในประเทศกว่า 95% แต่หลังจากนี้คงต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หากมองในระยะกลาง-ยาว เชื่อว่าไทยจะได้ประโยชน์จากการฟื้นฟูประเทศของญี่ปุ่น และจะเป็นผลดีต่อบริษัทด้วย เนื่องจากเชื่อว่าบริษัทต่างๆในประเทศญี่ปุ่นจะย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น
“ตอนนี้เราก็ยังไม่มีผลกระทบ เราขายในประเทศเกือบ 100% ก็มีบ้างที่ขายให้ลูกค้าญี่ปุ่นแต่เขาก็อยู่ในประเทศไทย ก็อาจจะมีบ้างที่เค้าส่งออกไปญี่ปุ่นอีกที ตอนนี้ยังไม่เห็นผลกระทบ แต่อีก 2-3 เดือนคงต้องพิจารณาอีกที"นายสุพจน์ กล่าว