ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสารกัมมันตรังสีที่รั่วไหลจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่น หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านพลังงานของสหภาพยุโรป (อียู) เตือนว่า สถานการณ์นิวเคลียร์ของญี่ปุ่นกำลังอยู่ในขั้นวิกฤต พร้อมกับเตรียมทดสอบความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในกลุ่มประเทศสมาชิกอียู นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากตัวเลขสร้างบ้านในสหรัฐที่ร่วงลงหนักสุดในรอบ 27 ปี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 242.12 จุด หรือ 2.04% ปิดที่ 11,613.30 จุด ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 24.99 จุด หรือ 1.95% ปิดที่ 1,256.88 จุด และดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 50.51 จุด หรือ 1.89% ปิดที่ 2,616.82 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงตั้งแต่เปิดทำการซื้อขาย หลังจากนายกึนเธอร์ เอททิงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการด้านพลังงานของรัฐสภายุโรป ระบุว่า สถานการณ์นิวเคลียร์ในญี่ปุ่นกำลังอยู่ในขั้นวิกฤต และคณะกรรมการอียูจะดำเนินการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 143 แห่งของประเทศสมาชิกอียู เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยหลังจากเกิดเหตุระเบิดและสารกัมมันตรังสีรั่วไหลที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของญี่ปุ่น
การทดสอบดังกล่าวจะครอบคลุมถึงการประเมินความเป็นไปได้ที่จะเกิดความเสียหายหลังจากแผ่นดินไหว และประเมินระดับน้ำในระบบหล่อเย็นที่เตาปฏิกรณ์ โดยการทดสอบภาวะวิกฤตโรงงไฟฟ้านิวเคลียร์จะดำเนินการภายในปีนี้ นอกจากนี้ นายเอททิงเกอร์กล่าวว่า จะมีการทดสอบภาวะวิกฤตที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ตุรกี รัสเซีย และสวิตเซอร์แลนด์
บริษัทโตเกียว อิเล็คทริค เพาเวอร์ (TEPCO) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานนิวเคลียร์จังหวัดฟุกุชิม่า ประมาณการว่า แท่งเชื้อเพลิงที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 1 ของโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิม่าหมายเลข 1 ได้รับความเสียหายแล้ว 70% และแท่งเชื้อเพลิงที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 2 ได้รับความเสียหาย 33% โดย TEPCO คาดว่าแกนกลางของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ได้หลอมละลายไปแล้ว เนื่องจากระบบหล่อเย็นขัดข้อง หลังจากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 9.0 ริกเตอร์ที่จังหวัดฟูกุชิม่าและภูมิภาคฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงแรงกดดันจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.พ.ร่วงลง 22.5% แตะระดับ 479,000 ยูนิต/ปี ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดในรอบ 27 ปี และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะปรับตัวลงอยู่ที่ระดับ 570,000 ยูนิต/ปี
การร่วงลงอย่างหนักของตัวเลขสร้างบ้านในสหรัฐได้ฉุดหุ้นธุรกิจสร้างบ้านดิ่งลงด้วย โดยหุ้นเลนนาร์ คอร์ป และหุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน อิงค์ ปิดร่วงลงกว่า 2%
ส่วนหุ้นสตาร์บั๊ค คอร์ป ร่วงลง 2.02% หุ้นแมคโดนัลด์ คอร์ป ปิดร่วง 2.32%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ. และเฟดจะเปิดเผยข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนก.พ. ส่วนวันศุกร์ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ