CNS ตั้งเป้าปี 54 มาร์เก็ตแชร์ 2.68% จาก 2.48% ในปี 53,ขยาย 5-10 สาขา

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 17, 2011 11:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุเทพ พีตกานนท์ ประธานกรรมการ บล.พัฒนสิน (CNS) เปิดเผยว่า ในปี 54 บริษัทตั้งเป้ามีส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)เพิ่มเป็น 2.68% จากปีก่อนอยู่ที่ 2.48% โดยในเดือน ก.พ. 54 บริษัทมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 2.52% ซึ่งเป็นผลจากการขยายสาขา รวมทั้งการเพิ่มบริการอินเตอร์เน็ตเทรดดิ้ง และเจ้าหน้าที่การตลาด(มาร์เก็ตติ้ง)

ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสาขา 5-10 สาขา เน้นเปิดในต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ จากปัจจุบันที่มี 5 สาขาในกรุงเทพ โดยใช้งบลงทุน 1-2 ล่านบาทต่อสาขา และภายใน 5 ปีข้างหน้าบริษัทจะขยายฐานลูกค้า และเพิ่มช่องทางและเพิ่มผลิตภัณฑ์เพื่อขยายการให้บริการ รวมทั้งขยายการเป็นตัวแทนขายหน่วยลงทุน

ทั้งนี้ CNS พยายามขยายสัดส่วนนักลงทุนต่างประเทศให้ได้ใกล้เคียงตลาดรวมที่ 20% ขณะที่นักลงทุนรายย่อยอยู่ที่ 64% และสถาบันในประแทศที่ 16% จากขณะนี้ที่ CNS มีลูกค้าที่เป็นนักลงทุนต่างประเทศเพียง 8% นักลงทุนรายย่อย 82% และสถาบันในประเทศ 10%

นายสุเทพ กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจของบริษัทงวดปีนี้ดีกว่าปีก่อน โดยงวดไตรมาส 1/54 (ก.ย.-พ.ย.53) บริษัทมีกำไรสุทธิ 70 ล้านบาท มีสัดส่วนเกินครึ่งหนึ่งของกำไรสุทธิทั้งปี 53 (ก.ย.52-ส.ค.53) ที่มี 117 ล้านบาท

ส่วนงานวาณิชนธนกิจ(IB)ขณะนี้บริษัทมีงานในมืออยู่ 10 ดีล และคาดจะยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เพื่อเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก( IPO) จำนวน 5 บริษัททันภายในปีนี้ ซึ่ง 5 บริษัทดังกล่าวอยู่ในกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์, สถานีไฟฟ้า, ธุรกิจเครื่องปั๊ม, ธุรกิจค้าทอง และ ธุรกิจทำความสะอาด

นายสุเทพ กล่าวว่า บริษัทเน้นทำธุรกิจปล่อยมาร์จิ้น เพราะได้ผลตอบแทนค่อนข้างดี ซึ่งได้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝากและมีรายได้จากการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ โดยบริษัทมีจุดแข็งที่มีเงินกองทุนสูงถึงกว่า 3,500 ล้านบาท จะใช้ในการปล่อยมาริ์จิ้นได้ประมาณ 2 พันล้านบาท ที่เหลือนำไปบริหารธุรกิจการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ธุรกิจอันเดอร์ไรท์ โดยบริษัทไม่มีนโยบายทำป๊อปเทรด เพราะไม้ใช่ Business Model ที่เหมาะสมกับบริษัท แต่ในอนาคตจะทำหรือไม่ขึ้นอยูกับสถานการณ์

นอกจากนี้บริษัทยังโฟกัสไปยังธุรกิจลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ ซึ่งกลุ่มบริษัทโนมูระ ที่เป็นบริษัทแม่มีเครือข่ายทั่วโลกจะช่วยสบันสนุนในเรื่องข้อมูล บทวิจัย ซึ่งถือว่าข้อมูลโนมูระได้รับความเชื่อถือเป็นอันดับหนึ่งในจีนและญี่ปุ่น

นายสุเทพ ยอมรับว่า เหตุการณ์ภัยพิบัติในญี่ปุ่นมีผลกระทบในแง่จิตวิทยา โดยเฉพาะกลุ่มกลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มโรงแรม กลุ่มขนส่งอาจได้รับผลกระทบระยะสั้น แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลายเชื่อว่ากลุ่มส่งออกจะดีขึ้น เพราะความต้องการปัจจัยพื้นฐานจะมากขึ้น ส่วนกลุ่มโนมูระจากญี่ปุ่นที่ถือหุ้นใหญ่อยู่ 38% ทางบริษัทไม่สามารถให้ข้อมูลแทนได้

นายสุเทพ ประเมินภาพรวมตลาดหุ้นไทยปีนี้ว่า น่าจะยังให้ผลตอบแทนเป็นบวก แต่ไม่ก้าวกระโดดเหมือนปี 53 ที่ให้ผลตอบแทนถึง 40% และมองดัชนีหุ้นไทยในปี 54 ที่ 1,200 จุด เพราะในบางกลุ่มยังสามารถทำกำไรได้ดี อย่างไรก็ตาม ต้องดูทิศทาง Fund Flow เพราะตลาด Emerging Market รวมไทย มีปัจจัยเกี่ยวกับเงินเฟ้อสูงและดอกเบี้ยขาขึ้น กดดันตลาดเหล่านี้อยู่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ