นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. เอ็ม เอฟ อี ซี (MFEC) เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทฯ ควบรวมกิจการกับ 3 บริษัทผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เชื่อว่าจะช่วยผลักดันให้รายได้ในปีแรกขยายตัวได้ 20% หรืออยู่ที่ 3,500 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิมีโอกาสเติบโตได้ถึง 3 เท่าตัว จากปี 53 ที่ทำได้ 60-70 ล้านบาท เนื่องจากเป็นการนำจุดแข็งของแต่ละบริษัทเข้ามาสนับสนุนซึ่งกันและกัน นอกจากจะทำให้บริษัทฯ มีขนาดใหญ่ขึ้นแล้ว ยังสามารถเพิ่มศักยภาพในการขยายธุรกิจ และทำให้ต้นทุนบางส่วนลดลง เพิ่มความคล่องตัวในการแข่งขันได้อีกทางหนึ่งด้วย
"เป้ารายได้รวมปี 54 ที่ 3,500 ล้านบาท เป็นเฉพาะรายได้ของ MFEC เองประมาณ 2,800 ล้านบาท ที่เหลือเป็นของอีก 3 บริษัทที่จะควบรวม คาดว่าหลังรวม 3 บริษัทเข้ามาแล้วเชื่อว่าปีนี้มาร์จินน่าจะดีกว่าปีก่อน เพราะทั้ง 3 บริษัทแม้รายได้ไม่สูง แต่มีกำไรสูง เพราะมาร์จินงานเซอร์วิสดี"นายศิริวัฒน์ กล่าว
สำหรับการควบรวมกิจการ ประกอบด้วย บริษัท ซอฟต์สแควร์กรุ๊ป โดยผ่านการซื้อและรับโอนกิจการทั้งหมดของบริษัท นอร์ธเทอร์นสตาร์ซอฟต์แวร์ จำกัด บริษัท บิซิเนส แอพพริเคชั่น จำกัด และ บมจ. โมทีฟ เทคโนโลยี โดยผ่านการซื้อและรับโอนกิจการทั้งหมดของบริษัท เมกัส จำกัด เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับองค์กร ตลอดจนรองรับโอกาสทางธุรกิจที่จะเข้ามาในอนาคตนั้น
แนวโน้มการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 1/54 มีทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปลายปีที่ผ่านมา คาดว่า รายได้รวมไตรมาส 1/54 อยู่ที่ 750 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันปีก่อนที่ 732 ล้านบาท เพราะการรับรู้รายได้เป็นไปตามแผนงาน ขณะเชื่อว่ากำไรสุทธิจะสูงกว่างวดเดียวกันปีก่อนเช่นกัน เนื่องจากอัตรากำไรสุทธิไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นเป็น 19-20% จากปีก่อนที่ 16%
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) อยู่ที่ 2,099 ล้านบาท เป็นงานราชการและรัฐวิสาหกิจ 33% แบงก์กิ้ง 31% พลังงาน 18% โทรคมนาคม 15% คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ 1,800 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในปีถัดไป
ขณะเดียวกันในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้บริษัทฯ เตรียมเข้าประมูลงานใหม่ 1,200 ล้านบาท แบ่งเป็นงานรัฐวิสาหกิจ 800-900 ล้านบาท และงานเอกชนอีก 300 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับงานดังกล่าวในสัดส่วน 700-800 ล้านบาท จากมูลค่างานรวมทั้งหมด ปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าหลักของบริษัทฯ จะมาจากกลุ่ม Telecom 35% banking 20% ภาครัฐ 25% และที่เหลือมาจากกลุ่มอื่นๆ
“สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนหลังจากนี้ นอกเหนือจากการเติบโตแบบก้าวกระโดดแล้ว ยังจะทำให้ MFEC GROUP เป็นองค์กรที่เข้มแข็งเป็นผู้นำที่โดดเด่นในอุตสาหกรรม Software และ IT Services ของประเทศอย่างชัดเจน ในขณะเดียวกันยังเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไอทีไทยให้แข่งขันได้ กับผู้ประกอบการอื่นๆ ในตลาดโลกได้เป็นอย่างดี และจะส่งเสริมแผนการก้าวสู่ตลาดในระดับภูมิภาคและตลาดโลกได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เป็นที่ยอมรับนับถือจากสาธารณะ และนักลงทุน โดยโครงการควบรวมกิจการดังกล่าวจะนำเสนอให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติในเดือนเมษายนนี้" นายศิริวัฒน์ กล่าว
หลังการควบรวมกิจการครั้งนี้ MFEC GROUP ได้วางเป้าหมายจะปรับปรุงและพัฒนาโครงสร้างและการบริหารองค์กรให้กลายเป็น“สถาบัน"ที่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน เป็นผู้นำในการกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของประเทศไทย การสร้างงานที่มีมูลค่าเพิ่มสูงในระดับท้องถิ่น และการกระจายรายได้ในประเทศเพื่อเป็นส่วนร่วมในการที่จะส่งเสริมให้ประเทศไทยก้าวสู่ยุคเศรษฐกิจ บริการเชิงสร้างสรรค์ หรือ Creative Service Economy ได้ และประการสำคัญจะช่วยส่งเสริมให้ตลาดซอฟต์แวร์เมืองไทยแข็งแกร่งขึ้น
การดำเนินธุรกิจของทั้ง 3 บริษัทยังคงเป็นไปตามปกติ ไม่มีการปลดพนักงานแต่จะช่วยกันทำงานให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจไอทีและให้แข่งขันกับผู้ประกอบการในภูมิภาคอาเซียนได้อย่างคล่องตัว