นายนิพิฐ อรุณวงษ์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บมจ.นวนคร(NNCL)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่าในสัปดาห์หน้าบริษัทนัดหารือกับผู้ประกอบการญี่ปุ่นในนิคมอุตสาหกรรมนวนครทุกแห่ง เพื่อสอบถามผลกระทบจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงปัญหาในการดำเนินธุรกิจ เพื่อจะหาทางช่วยเหลือ เนื่องจากฐานลูกค้าของบริษัทถึง 80-90% เป็นผู้ประกอบการญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม จากปัญหาดังกล่าวยอมรับว่าส่งผลให้ลูกค้าบางรายชะลอการซื้อที่ดิน 1-2 ราย ซึ่งเป็นผู้ประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ที่ต้องการรอประเมินสถานการณ์ของบริษัทแม่ในญี่ปุ่นก่อน แต่เชื่อว่าไม่กระทบกับบริษัท เพราะแปลงที่ดินที่จะซื้อเป็นจำนวนไม่มาก และเชื่อว่าในที่สุดจะไม่ยกเลิกโครงการ
"ผลกระทบจากภัยพิบัติที่ญี่ปุ่นไม่น่าจะส่งผลกระทบกับบริษัท น่าจะเป็นการชะลอดูสถานการณ์มากกว่า ไม่น่าจะยกเลิก ซึ่งเค้าขอเราดู 1-2 เดือนนี้ อีกอย่างที่คุยไว้กับบริษัท ก็ซื้อจำนวนไม่มาก 15-20 ไร่ เมื่อเทียบกับก่อนหน้าที่เซ็นสัญญาไป 3 รายรวมเป็นแบล็กล็อค 350-400 ล้านบาท"นายนิพิฐ กล่าว
นายนิพิฐ กล่าวว่า จากปัญหาภัยพิบัติกลับส่งผลให้ผู้ประกอบการด้านอาหารและเวชภัณฑ์พิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้น รวมทั้งการขยายคลังสินค้าเพื่อรองรับคำสั่งซื้อ(ออร์เดอร์)เพิ่มขึ้น ล่าสุด ผู้ประกอบการด้านเวชภัณฑ์ได้ตกลงซื้อที่ดินไปประมาณ 30-40 แปลง
ทั้งนี้ นอกจากจะส่งผลบวกต่อยอดขายที่ดินแล้ว ยังจะช่วยเพิ่มยอดขายด้านสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะปริมาณการขายน้ำ โดยคาดว่าในปีนี้ปริมาณการขายน้ำจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% สูงกว่าทุกปี จากปริมาณ 4.5 หมื่น ลบ.ม./วันในปัจจุบัน ซึ่งสอดคล้องกับแผนงานของบริษัทในการเพิ่มรายได้นอกเหนือจากการขายที่ดินอย่างเดียว
จากปริมาณการใช้น้ำในนิคมฯที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทเพิ่มการผลิตอีก 2 แห่ง จากปัจจุบันที่มี 3 แห่ง ใช้เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังผลิตเป็น 7.5 หมื่น ลบ.ม./วัน โดยปัจจุบันบริษัทขายน้ำในอัตรา 18.30 บาท/ลบ.ม.ซึ่งถูกกกว่าการประปาที่ขายน้ำ 20 บาท/ลบ.ม.
ส่วนผลการดำเนินงานในปี 54 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตกว่า 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,113.95 ล้านบาท จากปัจจัยบวกภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และการขายที่ดินที่มีเข้ามาต่อเนื่อง โดยขณะนี้มีลูกค้าที่ได้เซ็นสัญญาที่จะบันทึกเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง อีกทั้งอยู่ระหว่างการเจรจาอีกหลายราย ดังนั้น น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้