ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 มี.ค.) หลังจากลิเบียประกาศหยุดยิงและยุติปฏิบัติการทางทหาร ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดลิเบีย นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับมติของที่ประชุมรัฐมนตรีกลุ่ม G-7 ที่ให้ประเทศสมาชิกเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราเพื่อสกัดการแข็งค่าของเงินเยน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 83.93 จุด หรือ 0.71% แตะที่ 11,858.52 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 5.49 จุด หรือ 0.43% แตะที่ 1,279.21 จุด ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 7.62 จุด หรือ 0.29% แตะที่ 2,643.67 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 5.3 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วนกว่า 2 ต่อ 1
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันสองวันทำการเมื่อคืนนี้ หลังจากนายมูซา คูซา รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศลิเบียเปิดเผยว่า รัฐบาลลิเบียประกาศการหยุดยิงและยุติปฏิบัติการทางทหารทั้งหมดแล้ว หลังจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้ลงมติในการประชุมฉุกเฉินเพื่ออนุมัตการใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อลิเบีย และยังได้อนุมัตการกำหนดเขตห้ามบินเพื่อยับยั้งกองทัพรัฐบาลลิเบีย เพื่อปกป้องพลเรือนลิเบียจากกองกำลังทหารของกัดดาฟี
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่ม G-7 มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ดำเนินการแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตรา เพื่อสกัดการแข็งค่าของเงินเยน ซึ่งเปิดทางให้ญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงตลาดร่วมกับประเทศสมาชิก G-7 รวมถึงสหรัฐและอังกฤษ หลังจากดอลลาร์สหรัฐดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 76.25 เยน ซึ่งส่งผลให้ตลาดผันผวนอย่างหนักและมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการเงินของญี่ปุ่น
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) อัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดการเงินภายในประเทศเพิ่มอีก 3 ล้านล้านเยนเมื่อวานนี้ เพื่อบรรเทาความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ขณะที่นายมาซาอากิ ชิรากาว่า ผู้ว่าการบีโอเจยืนยันว่า บีโอเจจะจัดหาเงินทุนเข้าสู่ตลาดการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับตลาด
หุ้นกลุ่มการธนาคารปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง หลังจากมีรายงานว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะอนุมัตให้ธนาคารรายใหญ่บางแห่งของสหรัฐสามารถเพิ่มหรือเริ่มการจ่ายเงินปันผลได้ในปีนี้ โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ปิดพุ่ง 2.7% หุ้นธนาคารเวลส์ฟาร์โกปิดบวก 1.5% ส่วนหุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ปิดบวก 1.7%
หุ้นไนกี้ปิดร่วง 9.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสเพิ่มขึ้นเพียง 5.2% ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์