บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล(JAS) ตั้งเป้าปี 55-57 อัดงบลงทุน 3 พันล้านบาทขยายโครงข่ายให้บริการทั้งด้านบรอดแบนด์และไวไฟ โดยตั้งเป้ายอดลูกค้าทั้งสองบริการพุ่งเกิน 3 ล้านราย แบ่งเป็นบรอดแบรนด์ 2 ล้านราย และ ไวไฟ 1 ล้านราย ครองอันดับ 1 ในตลาด
ส่วนในปี 54 คาดว่ารายได้จะเติบโต 20% จากที่ทำได้เกือบ 1 หมื่นล้านบาทในปี 53 โดยจะใช้เงินลงทุนราว 1.2 พันล้านบาทในการขยายโครงข่ายและเครือข่ายการให้บริการ ได้แก่ บรอดแบรนด์ ลงทุน 1 พันล้านบาท และ ไวไฟ ใช้เงิน 200 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมียอดลูกค้าบรอดแบนด์ทะลุ 1 ล้านรายในปีนี้ จากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 8 แสนราย
"รายได้ปีนี้จะโต 20% ส่วนใหญ่เติบโตจากบรอดแบรนด์ ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 7 พันล้านบาท ...ในอีก 3 ปีข้างหน้า เราตั้งเป้าจำนวนลูกค้าบรอดแบรนด์ไว้ที่ 2 ล้านราย ลงทุนปีละ 1 พันล้านบาท 3 ปีก็ 3 พันล้านบาท target เราคือขึ้นเป็นเบอร์หนึ่ง" นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม JAS กล่าว
ทั้งนี้ ภาพรวมธุรกิจบรอดแบรนด์ในปี 54 คาดว่าจะเติบโต 30% หรือมีผู้ใช้บริการเพิ่มเป็นประมาณ 3.2 ล้านราย จากปี 53 ที่มีผู้ใช้บริการประมาณกว่า 2.8 ล้านราย โดยอันดับหนึ่งเป็น บมจ.ทีโอที มีอยู่ 1.2 ล้านราย อันดับสองเป็น บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) มี 8.1 แสนราย และอันดับสามเป็น บมจ.ทริปเปิลที บรอดแบรนด์ (ซึ่งเป็นบริษัทย่อย) ที่มีอยู่ราวกว่า 30%
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JAS กล่าวว่า ในไตรมาส 1/54 คาดว่า ทริปเปิลทีฯ จะมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับสอง แซงหน้า TRUE โดยมีลูกค้าเพิ่มเข้ามา 7.5-8 หมื่นราย และมั่นใจว่าในปีนี้จะสามารถขึ้นมาเป็นอันดับสองของตลาดบรอดแบรนด์ได้ เพราะบริษัทเน้นให้บริการที่มีคุณภาพ โดยลูกค้าทุกรายจะได้รับความเร็ว 6 Mpbs และลูกค้าส่วนใหญ่กระจายอยู่ในต่างจังหวัด ขณะที่ลูกค้าในกรุงเทพฯ มีสัดส่วน 1 ใน 4 ของลูกค้าทั้งหมด
นายพิชญ์ กล่าวว่า ขณะนี้ตนเองได้เข้าซื้อหุ้น JAS ถึงเกือบ 25% จากเดิมถือ 13% แต่เนื่องจากต้องเข้าเกณฑ์ทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์จึงไม่ได้ซื้อเพิ่ม ขณะที่กลุ่มจัสมินได้ขายหุ้นออกจาก บมจ.ทีทีแอนด์ที (TT&T) ออกเกือบหมด เหลืออยู่ 0.01% จากเดิมที่ถืออยู่ 40% เพราะขัดแย้งทางธุรกิจ ซึ่งขณะนี้ยังมีการฟ้องร้องทั้งทางแพ่งและอาญากันอยู่ โดยในช่วง 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา ลูกค้าของบริษัทได้หายไปประมาณ 1.5 แสนราย จากที่บริษัทไม่สามารถเข้าไปให้บริการได้