ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 มี.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มวัสดุ ซึ่งเป็นผลมาจากการคาดการณ์ที่ว่าญี่ปุ่นจะเพิ่มปริมาณการนำเข้าวัสดุเพื่อใช้ในการบูรณะฟื้นฟูประเทศหลังจากเกิดแผ่นดินไหว นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ไม่สงบในตะวันออกกลาง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 67.39 จุด หรือ 0.56% แตะที่ 12,086.02 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 3.77 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 1,297.54 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 14.43 จุด หรือ 0.54% ปิดที่ 2,698.30 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.9 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วนเกือบ 1 ต่อ 1
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้ปัจจัยบวกจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มวัสดุ เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า ญี่ปุ่นอาจจะเพิ่มการนำเข้าวัสดุพื้นฐานและโลหะ รวมถึงเหล็กและวัสดุประเภทอื่นๆ เพื่อใช้ในการบูรณะฟื้นฟูประเทศหลังแผ่นดินไหว
ดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุพุ่งขึ้น 1.39% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 0.38% หลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX พุ่งขึ้นเหนือระดับ 105 ดอลลาร์/บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น หลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นยังได้แสดงความกังวลว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิซึ่งทำให้ญี่ปุ่นต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ในครั้งนี้ อาจส่งผลให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นชะลอตัวลงราว 0.5% ในปีนี้
รัฐบาลญี่ปุ่นประมาณการว่า มูลค่าความเสียหายจากภัยพิบัติในครั้งนี้อาจสูงถึง 3.09 แสนล้านดอลลาร์ เทียบกับที่ธนาคารโลกและโกลด์แมน แซคส์ ประมาณการไว้ว่าจะอยู่ที่ 2.35 แสนล้านดอลลาร์ และ 2.00 แสนล้านดอลลาร์ตามลำดับ
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดยังถูกกดดันจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ.ร่วงลง 16.9% แตะระดับ 250,000 ยูนิต/ปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 290,000 ยูนิต ส่วนราคากลางของบ้านใหม่ร่วงลง 13.9% แตะที่ 202,100 ดอลลาร์ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปี 2546
หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปิดร่วงลง 1.66% หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปฏิเสธแผนการเพิ่มการจ่ายเงินปันผลของแบงก์ ออฟ อเมริกา ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ส่วนหุ้นเจนเนอรัล มิลส์ ปิดร่วง 1.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายร่วงลง 6%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 4 ปี 2553 ครั้งที่ 3