โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC)เนื่องจากปีนี้(2554)ธุรกิจปิโตรเคมีจะมีความโดดเด่น จากกำลังการผลิตจะเข้ามาเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปี 53 และสเปรดปิโตรเคมีก็ปรับตัวสูงขึ้นด้วย โดยเฉพาะโรงงานใหม่ ปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ แห่งที่ 2 จะเน้นสินค้าที่มี High value added ซึ่งมาร์จินจะดีกว่าสินค้า Commodity เกรดทั่ว ๆ ไป เพราะฉะนั้นรวม ๆ ก็น่าจะเป็น positive กับ SCC
สำหรับธุรกิจปูนซิเมนต์ก็มีความต้องการใช้(Demand)ฟื้นขึ้น โดยคาดว่าความต้องการใช้ปูนฯปีนี้จะเติบโต 5-10% และราคาขายยังขยับขึ้นด้วย เพื่อมาชดเชยต้นทุนถ่านหินและราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิในปี 54 ไว้ที่ 29,000-32,048, ล้านบาท ลดลงจากปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 37,382 ล้านบาท เนื่องจากในปี 53 SCC ได้รับกำไรจากการขายเงินลงทุนจำนวนมาก
ส่วนปี 55 ก็คาดว่จะมีกำไรสุทธิ 32,519-40,111 ล้านบาท โดยจะมาจากรายได้ธุรกิจปิโตรเคมีเป็นหลัก มองว่าสเปรดปิโตรเคมีจะดีขึ้นอีก และจะมีการ run โรงงานปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ แห่งที่ 2 ได้เต็ม
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.ทิสโก้ ซื้อ 434 บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) ซื้อ 428 บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) ซื้อ 400 บล.กสิกรไทย ซื้อ 411 บล.เคที ซีมิโก้ ซื้อ 416 บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ซื้อ 380 บล.เอเชีย พลัส ซื้อ 373
น.ส.ศันสนีย์ ศรีจามจุรีย์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สำนักวิจัย บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ช่วง 5 ปีที่แล้ว SCC ได้ลงทุนไปกว่าแสนล้าน ซึ่งหลัก ๆ ก็ได้ลงทุนไปในธุรกิจปิโตรเคมีเป็นหลัก และปีนี้น่าจะมี return ตรงนี้เข้ามาให้เห็นการเติบโต
"ช่วงนี้สเปรดปิโตรเคมีก็อยู่ในระดับที่ดี อย่างส่วนต่างราคาระหว่าง PE กับต้นทุน Naptha ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และตัว PP(โพลีโพรพิลีน)-Naptha มันดี และดีกว่าปีที่แล้ว ซึ่งตัว PP สเปรดดีมาก ๆ เลย และแนวโน้มก็ยังดูดีอยู่"น.ส.ศันสนีย์ กล่าว
ส่วนโรงงานใหม่ ปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ แห่งที่ 2 จะเน้นสินค้าที่มี High value added ซึ่งมาร์จินจะดีกว่าสินค้า Commodity เกรดทั่ว ๆ ไป เพราะฉะนั้นรวม ๆ ก็น่าจะเป็น positive กับ SCC
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 54 ไว้ที่ 31,991 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 53 ที่มี 27,387 ล้านบาท(ก่อนรายการพิเศษ) ส่วนปี 2555 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิเติบโต 25% มากอยู่ที่ 40,111 ล้านบาท จากสเปรดปิโตรฯที่ดีขึ้นกว่าปี 2554
นอกจากนี้ ในปี 55 SCC จะมีการ run โรงงานปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ แห่งที่ 2 ได้เต็ม เพราะในช่วงครึ่งหลังปีนี้(H2/54)มี 2 โรงงานที่เป็นสินค้า High value added จะเริ่มผลิต
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ธุรกิจปิโตรเคมีจะรับผลดีจากราคาปิโตรเคมีที่อยู่ในระดับสูงขึ้น ส่วนธุรกิจปูนซิเมนต์ก็มีความต้องการใช้(Demand)ที่ฟื้นตัวขึ้น และราคาขายยังได้มีการปรับขึ้นด้วย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนี้จะส่งผลดีต่อกำไรของ SCC
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิในปี 54 ไว้ที่ 29,000 ล้านบาท ลดลงจากปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 37,382 ล้านบาท เนื่องจากในปี 53 SCC ได้รับกำไรจากการขายเงินลงทุนจำนวนมาก แต่หากมองในแง่ของการดำเนินธุรกิจแล้วจะเห็นได้ว่าปีนี้(54)SCC จะมีกำไรจากการดำเนินธุรกิจที่เติบโตขึ้นจากปี 53 ส่วนปี 55 ก็คาดว่า SCC จะมีกำไรสุทธิ 32,519 ล้านบาท โดยจะมาจากรายได้ธุรกิจปิโตรเคมีเป็นหลัก ซึ่งมองว่าสเปรดปิโตรฯจะดีขึ้น
นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)กล่าวให้เหตุผลที่แนะนำ"ซื้อ"หุ้น SCC ว่าปีนี้จะเริ่มเก็บเกี่ยวผลจากที่ได้ลงทุนไป 1.5 แสนล้านบาท โดยจะทำให้ SCC ในปีนี้จะมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามา ซึ่งจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นด้วย
อย่างธุรกิจปิโตรเคมีกำลังการผลิตใหม่จะเข้ามาเป็นเท่าตัวจากปี 53 และสเปรดของปิโตรฯในปีนี้ก็คาดว่าจะทรงตัว ส่วนธุรกิจปูนซิเมนต์ มองว่าความต้องการใช้ปูนฯจะเติบโต 5-10% ในปีนี้ และราคาขายก็มีการปรับตัวขึ้นด้วย เพื่อมาชดเชยต้นทุนถ่านหินและน้ำมันที่สูงขึ้น
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้(54)ไว้ที่ 32,048 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับกำไรปกติของ SCC ในปี 53 ที่มี27,000 ล้านบาท ส่วนปี 55 กำไรสุทธิของ SCC ก็คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องอีก โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 37,565 ล้านบาท