ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 มี.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ปรับตัวลดลงในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐนอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 84.54 จุด หรือ 0.70% แตะที่ 12,170.56 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 12.12 จุด หรือ 0.93% ปิดที่ 1,309.66 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 38.12 จุดหรือ 1.41% ปิดที่ 2,736.42 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.9 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกวาหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 มี.ค.ลดลง 5,000 ราย แตะระดับ 382,000 ราย ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 383,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 เดือนร่วงลง 1,500 ราย แตะระดับ 385,250 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี
การลดลงอย่างต่อเนื่องของจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐสะท้อนให้เห็นว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐพุ่งขึ้น 192,000 ตำแหน่ง ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี และอัตราว่างงานเดือนก.พ.ลดลงแตะระดับ 8.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทเอกชน ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนที่ต่ำลงและรายได้ในต่างประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงบริษัทเรด แฮท อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟท์แวร์, บริษัทไมครอน เทคโนโลยี อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพคอมพิวเตอร์ และบริษัทคองกรา ฟู๊ดส์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร "Chef Boyardee"
ทั้งนี้ หุ้นเรด แฮท ปิดพุ่ง 18% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ปิดบวก 8% หุ้นคองกรา ฟู๊ดส์ อิงค์ ปิดบวก 2%
ส่วนหุ้นสกอลาติก คอร์ป ซึ่งเป็นผู้พิมพ์และจัดจำหน่ายหนังสือเด็ก ปิดลบ 11% หลังจากยอดขายในไตรมาสแรกปรับตัวลดลง นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2554
หุ้นรีเสิร์ช อิน โมชั่น ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแบล็คเบอร์รี่ ปิดลบ 10% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการรายไตรมาสที่ต่ำกว่าตัวเลขของนักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีท
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 4 ปี 2553 ครั้งที่ 3 ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจีดีพีจะขยายตัว 3.0%