ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ (24 มี.ค.) และกลับสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีก
ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 84.99 จุด หรือ 1.47% แตะที่ 5,880.87 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม โดยดัชนีปิดในแดนบวกเป็นวันที่สองต่อจากวานนี้
บริษัทค้าปลีก คิงฟิชเชอร์ และ เน็กซ์ เป็นแกนนำดันตลาดดีดตัวขึ้น หลังจากทั้งสองบริษัทรายงานผลกำไรที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ พร้อมประกาศเพิ่มเงินปันผล นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มค้าปลีกยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่ดอยช์แบงก์แนะให้ซื้อหุ้นกลุ่มนี้ เนื่องจากคาดว่า ธุรกิจค้าปลีกโดยรวมจะมีผลการดำเนินงานสดใส เนื่องจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือนจะขยายตัวสูงกว่าการคาดการณ์ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
คิงฟิชเชอร์ ผู้ค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและต่อเติมบ้านรายใหญ่สุดของยุโรป ทะยาน 7.2% หลังบริษัทรายงานผลกำไรตลอดทั้งปีเพิ่มขึ้น 23% นอกจากนี้ดอยช์แบงก์แนะนำว่าหุ้นคิงฟิชเชอร์น่าซื้อที่สุดในกลุ่มค้าปลีก
เน็กซ์ ผู้ค้าปลีกเสื้อผ้ารายใหญ่อันดับ 2 ของอังกฤษ กระโดดขึ้น 4% ขณะที่มาร์กแอนด์สเปนเซอร์ กรุ๊ป ผู้ค้าปลีกเสื้อผ้ารายใหญ่สุดของอังกฤษ พุ่ง 3.7% และ เทสโก้ ผู้ค้าปลีกรายใหญ่สุดของอังกฤษ บวก 2.3%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นเช่นกัน นำโดย พรีเมียร์ ออยล์ ที่ทะยาน 4% หลังจากบริษัทรายงานผลกำไรตลอดปีเพิ่มขึ้น 15% บีจี กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 4.3% รอยัล ดัทช์ เชลล์ บวก 1.6% และ บีพี บวก 2.3%
นอกจากนี้ นักลงทุนแห่ซื้อหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ จากกระแสคาดการณ์ว่าการบูรณะฟื้นฟูประเทศญี่ปุ่นจากภัยพิบัติแผ่นดินไหวจะกระตุ้นให้ความต้องการเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ หุ้นปรับตัวขึ้นแม้ว่าสหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ร่วงลงโดยไม่คาดหมายในเดือนที่แล้ว และแม้จะมีความวิตกกังวลว่าโปรตุเกสอาจจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือทางการเงิน หลังจากที่นายกรัฐมนตรี โฮเซ่ โสเครติส ลาออกจากตำแหน่ง ภายหลังรัฐสภาโปรตุเกสปฏิเสธที่จะผ่านมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาล