ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 มี.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งในภาคค้าปลีก ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยบดบังความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองและการคลังในโปรตุเกสได้ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีโปรตุเกสตัดสินใจลาออกเพื่อตอบโต้รัฐสภาโปรตุเกสที่คว่ำบาตรมาตรการัดเข็มขัดของรัฐบาล
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีพุ่งขึ้น 129.13 จุด หรือ 1.9% ปิดที่ 6,933.58 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 6,787.04-6,941.72 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสพุ่งขึ้น 55.11 จุด หรือ 1.41% ปิดที่ 3,968.84 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,885.83-3,973.02 จุด
ดัชนี FTSEurofirst 300 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบลูชิพในตลาดยุโรปพุ่งขึ้น 11.16 จุด หรือ 1.0% ปิดที่ 1,123.52 จุด ขณะที่ดัชนี STOXX Europe 600 หุ้นกลุ่มค้าปลีกพุ่งขึ้น 1.5%
หุ้นกลุ่มค้าปลีกดีดตัวขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นคิงฟิชเชอร์ปิดพุ่ง 7.2% หลังบริษัทรายงานผลกำไรตลอดทั้งปีเพิ่มขึ้น 23% นอกจากนี้ดอยช์แบงก์แนะนำว่าหุ้นคิงฟิชเชอร์น่าซื้อที่สุดในกลุ่มค้าปลีก หุ้นเน็กซ์ ผู้ค้าปลีกเสื้อผ้ารายใหญ่อันดับ 2 ของอังกฤษ กระโดดขึ้น 4%
ส่วนมาร์กแอนด์สเปนเซอร์ กรุ๊ป ผู้ค้าปลีกเสื้อผ้ารายใหญ่สุดของอังกฤษ พุ่ง 3.7% และ เทสโก้ ผู้ค้าปลีกรายใหญ่สุดของอังกฤษ บวก 2.3%
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของภาคค้าปลีกในยุโรปช่วยลดผลกระทบของข่าวที่ว่านายกรัฐมนตรีโฮเซ โสคราตีสของโปรตุเกส ประกาศลาออกจากตำแหน่งหลังจากรัฐสภาโปรตุเกสปฏิเสธมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาล รวมถึงการลดตัวเลขขาดดุลงบประมาณ
บีเอ็มดับเบิลยูและหุ้นเดมเลอร์ ซึ่งเป็นสองผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของยุโรป ปิดพุ่ง 4.2% และปิดบวก 3.5% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปิดบวก 1.4% หุ้นริโอทินโตปิดบวก 2.5% และหุ้นเอ็กสตราต้าปิดบวก 1.6%