บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"สะสม"หุ้น บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน(AMATA)ราคาเหมาะสม 20.50 บาท ทั้งนี้ นับตั้งแต่สิ้นเดือนก.พ.ถึงวานนี้ ราคาหุ้น HEMRAJ ปิดเพิ่มขึ้น 17% เทียบกับ AMATA ขยับขึ้นเพียง 9% เท่านั้น ทำให้ความเป็น Laggard ของ AMATA ดูน่าสนใจมากขึ้น
พร้อมประเมินสถานการณ์ในญี่ปุ่นนั้นมีผลกระทบเพียงระยะสั้นเท่านั้น ขณะที่ระยะยาวเชื่อว่าจะเป็นบวกต่อกลุ่มนิคมอุตฯ เนื่องจากคาดว่าการฟื้นตัวหรือก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์หรือชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศญี่ปุ่นอาจจะมีต้นทุนสูงขึ้นและยังคงมีความเสี่ยงต่อการเกิดผลกระทบทางภัยธรรมชาติได้ ดังนั้น ประเทศไทยจะได้รับผลดีในเชิงของการขยายกำลังการผลิตหรือขยายโรงงานเพื่อเป็นฐานกำลังการผลิตให้กับโรงงานในญี่ปุ่น รวมทั้งการเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อชดเชยการผลิตที่ลดลงในช่วงที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งคาดว่า AMATA จะเป็นผู้ประกอบการรายหนึ่งที่รับประโยชน์
AMATA จะมีการร่วมทุนกับกลุ่มนักลงทุนชาวจีน Holley คาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนใน 1H/54 นี้ คาว่าเป็นการทำ Joint Venture กับ Holley โดย AMATA จะถือหุ้น 51% และ Holley ถือ 49% ด้วยเงินทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาทและ AMATA จะโอนที่ดิน 1,000 ไร่ให้กับ JV นี้เพื่อนำไปขายต่อ จากนั้น AMATA อาจจะมีการบันทึกส่วนแบ่งกำไรเมื่อ JV สร้างกำไร เรามองการร่วมทุนนี้เป็นการลงทุนที่ win-win เนื่องจาก AMATA จะได้ทั้งรายได้และส่วนแบ่งกำไร ขณะที่ผู้ร่วมทุนมีความเสี่ยงต่ำเนื่องจากไม่ต้องใส่เงินลงทุนจำนวนมากในครั้งเดียว
พร้อมตั้งเป้าการเติบโตของยอดการขายที่ดินของปี 2554 ที่ 15% เป็นเท่ากับประมาณ 1,500 ไร่ (ปี 2553 ยอดขายที่ดิน 1,295 ไร่ จากนคร 437 ไร่และซิตี้ 858 ไร่) สนับสนุนจากแนวโน้มการลงทุนที่ยังขยายตัวตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาสังเกตจากจากตัวเลขการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment — BOI) รอบ 2M/54 มีการขออนุญาต 266 โครงการ (+15% yoy) มูลค่าเงินลงทุนเท่ากับ 79,300 ล้านบาท (+50% yoy)
ดังนั้น ด้วยอุปสงค์ในระยะยาวที่ยังดี โดยคงประมาณการของรายได้ในปี 2554 ที่เท่ากับ 5,105 ล้านบาทเติบโต 41.6% yoy และกำไรสุทธิเท่ากับ 1,248 ล้านบาทเติบโต 34% yoy
วานนี้(24 มี.ค.)หุ้น AMATA ปิดที่ 15.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท(+4.08%)มูลค่าซื้อขาย 271.6 ล้านบาท