ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 มี.ค.) โดยเป็นการปิดในแดนบวกเป็นวันที่ 6 ในรอบ 7 วัน เนื่องจากนักลงทุนเริ่มคลายความสนใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในต่างประเทศ ทั้งสถานการณ์วุ่นวายทางการเมืองในโลกอาหรับและวิกฤตนิวเคลียร์ในญี่ปุ่น และหันมาให้ความสนใจเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทเอกชนซึ่งออกมาแข็งแกร่ง
ดัชนี FTSE 100 ปิดขยับขึ้น 19.89 จุด หรือ 0.34% แตะที่ 5,900.76 จุด สำหรับตลอดทั้งสัปดาห์นั้น ดัชนีพุ่งขึ้น 3.2% ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน
หุ้นกลุ่มผู้บริโภคดึงดูดนักลงทุน หลังจากที่นักวิเคราะห์อออกมาชี้แนะว่า ธุรกิจค้าปลีกโดยรวมจะมีผลการดำเนินงานสดใส เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้น พร้อมกับคาดการณ์ด้วยว่า ระดับการจ้างงานจะปรับตัวดีขึ้น และการขยายตัวของเงินเดือนก็จะส่งผลถึงผลกำไรของภาคธุรกิจ
วานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐประกาศทบทวนอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 4 ปี 2553 เป็น 3.1% จากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ 2.8% ซึ่งนับเป็นปัจจัยที่หนุนตลาดหุ้นลอนดอนเช่นกัน
หุ้นอินโฟซิส บริษัทด้านวิศวกรรมและซอฟต์แวร์ เป็นแกนนำหุ้นบวก โดยดีดตัวขึ้น 3.49% หลังจากร่วงหนักในวันพฤหัสบดี เนื่องจากมีการเปลี่ยนตัวซีอีโอคนใหม่เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน
หุ้นเรกคิทท์ เบนคีเซอร์ กลุ่มบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภค บวก 3.1% หลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ ปรับเพิ่มคำแนะนำหุ้นเป็น ซื้อ
หุ้นเอสเอบี มิลเลอร์ ผู้ผลิตเบียร์ชั้นนำ เพิ่มขึ้น 1.4% และยูนิลีเวอร์ขยับขึ้น 0.9%
หุ้นกลุ่มธนาคารของอังกฤษเคลื่อนตัวผันผวนในกรอบแคบๆ โดยเอชเอสบีซี ขยับขึ้น 0.2% ขณะที่บาร์เคลย์ส ลบ 0.31%