ตลาดหุ้นยุโรปิดบวกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (25 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า ญี่ปุ่นจะสามารถคลี่คลายวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากทางการสหรัฐได้ปรับเพิ่มการประเมินตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4
ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดบวก 3.54 จุด หรือ 0.09% แตะที่ 3972.38 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดบวก 12.78 จุด หรือ 0.18% แตะที่ 6946.36 จุด
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดบวก 0.1% แตะที่ 276.02 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลจากวิกฤตนิวเคลียร์ในญี่ปุ่น และคาดว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ แม้มีการประเมินว่ามูลค่าความเสียหายจากแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นครั้งนี้จะสูงถึง 3.08 แสนล้านดอลลาร์ก็ตาม
ที่ประชุมสุดยอดผู้นำ 27 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) มีมติให้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งรวมถึงการเพิ่มวงเงินในกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) เป็น 4.40 แสนล้านยูโร การทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ในภาคธนาคารของยุโรป และปฏิรูปนโยบายต่างๆเพื่อปรับปรุงศักยภาพด้านการแข่งขันและการขยายตัวอย่างสอดคล้องกับของเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซน (Euro Plus Pact) โดยมีเป้าหมายที่จะหนุนมูลค่าของสกุลเงินยูโรและรับมือกับวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซน
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนหลังจากสหรัฐประกาศทบทวนอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 4 ปี 2553 เป็น 3.1% จากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ 2.8% ซึ่งนับเป็นการขยายตัวไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน
หุ้นดอยช์ เทเลคอม ปิดพุ่ง 12% หลังจากบริษัทเอทีแอนด์ที ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านสื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่ระดับโลก ตกลงซื้อกิจการบริษัทที-โมบาย ยูเอสเอ จากดอยช์ เทเลคอม มูลค่าสูงถึง 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นโวดาโฟนปิดบวก 3.9% ขานรับการข่าวควบรวมกิจการระหว่างโวดาโฟน และเวริซอน คอมมูนิเคชันส์
หุ้นอินโฟซิส บริษัทด้านวิศวกรรมและซอฟต์แวร์ ปิดบวก 3.49% เนื่องจากมีการเปลี่ยนตัวซีอีโอคนใหม่เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน
หุ้นเรกคิทท์ เบนคีเซอร์ กลุ่มบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภค ปิดบวก 3.1% หลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ ปรับเพิ่มคำแนะนำหุ้นเป็น ซื้อ
หุ้นบาร์แรทท์ ดิเวลลอปเมนท์ ซึ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้านรายใหญ่ของอังกฤษปิดบวก 9.4% หลังจากรัฐบาลอังกฤษประกาศมาตรการช่วยเหลือกลุ่มผู้ซื้อบ้านหลังแรก