นายสุรงค์ บุลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยออยล์(TOP) คาดว่ารายได้และกำไรของบริษัทในไตรมาส 1/54 จะออกมาดีกว่าไตรมาส 1/53 มาก เนื่องจากรัฐบาลได้ปรับโครงสร้างราคาก๊าซ LPG หน้าโรงกลั่น และราคาผลิตภัณฑ์ในตลาดปรับตัวสูงขึ้นมาก หลังจากเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติในญี่ปุ่น และการที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่นระเบิดทำให้มีการนำเข้าน้ำมันเตาและ LPG เพิ่มสูงขึ้น
"ปีนี้เรา run กำลังการผลิตเต็มที่ ไม่มีโรงไหนปิดเลย ทั้ง LPG และ PX ขณะที่ PTTAR และ BCP มีการ shutdown ทำให้เราขาย domestic ได้มากขึ้น ซึ่งปีนี้ถือเป็นปีที่ดี"นายสุรงค์ กล่าว
ปัจจุบัน ค่าการกลั่นเฉลี่ย (GRM)อยู่ที่ 7.5-8.0 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนค่าการกลั่นรวม(GIM)อยู่ที่ 10 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล สูงกว่าช่วงไตรมาส 4/53 ที่ GRM อยู่ที่เฉลี่ย 4-5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ GIM อยู่ที่ 6-7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องติดตามในระยะต่อไป คือ ทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญต่อการทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน โดยขณะนี้ทำประกันความเสี่ยงไว้ในระดับ 20%
นายสุรงค์ ยังเปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัท และบมจ.ปตท.(PTT)ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ อยู่ระหว่างการศึกษาเข้าซื้อกิจการน้ำมันของบมจ.เอสโซ่ประเทศไทย(ESSO) ซึ่งก็จะต้องขึ้นกับการพิจารณาผู้ถือหุ้นใหญ่ และทาง ESSO ว่าจะขายหุ้นหรือไม่
"ในส่วนของเอสโซ่เราก็ศึกษาอยู่ เราก็ศึกษาทุกโอกาสในการขยายธุรกิจ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นกับผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วย ก็ต้องไปหารือหลาย ๆ ส่วน ทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน ว่าจะอนุญาตหรือไม่ และก็ต้องดูในส่วนของเราว่าจะตกลงกันได้หรือไม่ และที่สำคัญคือเอสโซ่จะขายให้เราไหม"นายสุรงค์ กล่าว