ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับตัวเลขใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐ

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (28 มี.ค.) ขานรับตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายในเดือนก.พ. รวมทั้งการที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวแข็งแกร่งเพียงพอที่เฟดจะพิจารณาการยุติใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดบวก 4.57 จุด หรือ 0.12% แตะที่ 3,976.95 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,959.85-3,991.32 จุด

ขณะที่ดัชนี FTSEurofirst 300 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบลูชิพในตลาดยุโรปปิดบวก 0.82 จุด หรือ 0.07% แตะที่ 1,125.47 จุด และดัชนี Stoxx 600 ปิดบวก 0.1% แตะที่ 276.24 จุด

อย่างไรก็ตาม ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดลบ 7.73 จุด หรือ 0.11% แตะที่ 6,938.63 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 6,915.58-6,981.19 จุด

ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนก.พ.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% หลังจากภาคครัวเรือนนำเงินออมออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ซึ่งทำให้อัตราการออมลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.767 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ. จากเดือนม.ค.ที่ระดับ 7.105 แสนล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนหลังจากนายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) อาจทบทวนว่าควรจะปล่อยให้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 หมดอายุลงในช่วงปลายเดือนมิ.ย.นี้หรือไม่ หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวแข็งแกร่ง โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2553 ขยายตัว 3.1% ซึ่งเป็นการขยายตัวไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน

หุ้นโนเกียปิดบวก 3.6% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นโนเกียเป็น "ซื้อ" ขณะที่หุ้นจาเมซา คอร์ปอเรชัน เทคโนโลจิกา เอสเอ ซึ่งเป็นผู้ผลิตกังหันลมรายใหญ่สุดของสเปน ปิดพุ่ง 5.6% และหุ้นรีนิวเวเบิล เอนเนอร์จี คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ของนอร์เวย์ ปิดบวก 4.7%

หุ้นแอสทราเซเนก้า ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของยุโรปปิดบวก 0.9% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2554 เป็น 6.90-7.20 ดอลลาร์ต่อหุ้น

หุ้นอินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเทล กรุ๊ป ปิดลบ 3.8% หลังจากแมร์ริออท อินเตอร์เนชันแนล อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาสแรก