หุ้น DTAC ราคาวิ่งขึ้น 2.73% มาอยู่ที่ 47 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 281.11 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.02 น. โดยเปิดตลาดที่ 46 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 47.25 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 46 บาท
บล.ฟาร์อีสท์ ระบุในบทวิเคราะห์ฯปรับคำแนะนำหุ้น DTAC จากเดิม“ถือ"เป็น“ซื้อ"โดยอิงมูลค่าเหมาะสมใหม่ ซึ่งประเมินได้ที่ 50.00 บาท(เดิม 42 บาท)เนื่องจากมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นต่อ DTAC จาก Dividend Yield ที่มีแนวโน้มว่าจะอยู่ในระดับสูงถึง 7.8% ในปี 54(Dividend Payout 85%)จากข้อจำกัดในการจ่ายปันผลจะหมดลงหลังจากหุ้นกู้ 3,000 ล้านบาท ซึ่งมี Covenant จำกัดการจ่ายปันผลได้ไม่เกิน 70% จะหมดอายุลง ส.ค.54 นี้ ขณะที่ประเด็นกดดันผลประกอบการอย่าง อัตราภาษี(ปรับเพิ่มอีก 5% ตั้งแต่ 1Q54) และส่วนแบ่งรายได้(ปรับเพิ่มอีก 5% ตั้งแต่ ก.ย.54)อยู่ในความรับรู้ของตลาดไปแล้ว
พร้อมประเมินว่ากำไรสุทธิ 1Q54 ของ DTAC จะอ่อนลงราว 7.8% QoQ มาอยู่ที่ราว 2,720 ล้านบาท โดยหลักๆ เป็นผลจาก สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่หมดลง(ปรับเพิ่มจาก 25% เป็น 30% ตั้งแต่ 1Q54) และรายได้ IC สุทธิที่เราประเมินว่าจะลดลง 59.2% QoQ มาอยู่ที่ราว 100 ล้านบาทหลังจากที่รายรับ IC จาก HUTCH เริ่มมีสัญญาณลดลง
แต่ทั้งนี้ในแง่ YoY เราประเมินว่าการเติบโตของปริมาณการขาย Smart Phone ที่เป็นกระแสมาตั้งแต่ 4Q53 และยอดใช้งาน DATA ที่ยังเติบได้ต่อเนื่อง รวมถึง Momentum ของ Net Adds ที่คาดว่าจะทำได้ใกล้เคียงกับช่วง 4Q53 จะยังคงมีน้ำหนักมากกว่ารายจ่ายทางภาษีที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ซึ่งรวมแล้วน่าจะทำให้ การเติบโตของกำไรสุทธิ 1Q54 คาดหวังได้ที่ระดับ 11.3% YoY
ส่วนประเด็น 3G บนคลื่นความถี่เดิม DTAC อยู่ระหว่างวางโครงข่ายสถานีฐานจำนวน 1,220 สถานีในเขตกรุงเทพฯ ในงบเงินลงทุน 1,200 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่า DTAC จะพยายามเร่งให้บริการในเขตกรุงเทพฯ ให้ทันในช่วง 2Q54 เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดกับคู่แข่งหลักอีก 2 รายที่คาดหมายว่าจะนำเสนอ 3G บนคลื่นความถี่เดิมในช่วง 2Q54 เช่นกัน
ขณะที่บริการ Wi-Fi ซึ่งกลายเป็นจุดอ่อนของ DTAC ในปัจจุบัน หลังจากล่าสุด ADVANC ได้พันธมิตรมาร่วมให้บริการและสามารถให้บริการ Wi-Fi อย่างเต็มรูปแบบเป็นรายที่ 2 ในอุตสาหกรรมไปแล้ว ซึ่ง DTAC เองก็อยู่ระหว่างพิจารณาแผนลงทุนติดตั้ง Wi-Fi เองเช่นกัน