(เพิ่มเติม) ผล"ไทยแลนด์โฟกัส"เผยต่างชาติสนใจแบงก์-พลังงาน-ปิโตรฯ-อสังหาฯ-นิคมฯ-ค้าปลีก

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 29, 2011 16:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีระพงษ์ วชิรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บล.ภัทร เปิดเผยว่า ผลการจัดงาน"ไทยแลนด์โฟกัส 2011"ในส่วนของกิจกรรมการพบปะแบบ one on one กับบริษัทจดทะเบียนของไทย ปรากฎว่ากลุ่มธุรกิจที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจเป็นพิเศษ ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ รองลงมาเป็นพลังงานและปิโตรเคมี, อสังหาริมทรัพย์และนิคมอุตสาหกรรม รวมทั้งธุรกิจค้าปลีก

ผลสำรวจล่าสุด พบว่า กลุ่มที่นักลงทุนสนใจมากที่สุด เป็นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ 16% เนื่องจากคาดว่าการเติบโตสินเชื่อในปีนี้จะเติบโตมากว่าที่ตั้งเป้าไว้ 8-9% โดย 2 เดือนที่ผ่านมาเติบโตเกินเป้าไปแล้ว รองลงมา เป็นกลุ่มพลังงาน ซึ่งมีแนวโน้มอุตสาหกรรมเป็นนวก กำไรยังอยู่ในขาขึ้น อันดับ 3 ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และนิคมฯ และ อันดับ 4 เป็นกลุ่มค้าปลีก เนื่องจากศักยภาพการเติบโตยังสูงขึ้น

ส่วนกลุ่มเกษตรและอาหาร ยังได้รับความสนใจต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ส่วนกลุ่มสื่อสาร(ก่อน TRUE ประกาศเพิ่มทุน) มองว่ายังเทรดในราคาต่ำ ซึ่งต้องรอกฎระเบียบของภาครัฐ จากนี้ต้องรอรัฐบาลใหม่ที่จะมาจัดการบริหารเรื่อง 3G ที่จะมีการออกใบอนุญาตหรือไม่ ซึ่งจะไดั้รับความสนใจ เพราะตอนนี้เทรดราคาถูกมาก ส่วนกลุ่มอื่น ความสนใจขึ้นอยู่กับผลกำไรของแต่ละบริษัท

ทั้งนี้ กิจกรรมงาน ไทยแลนด์โฟกัส 2011 ในวันที่ 2 มีการประชุมแบบ one on one meeting จำนวน 400 ครั้ง และ group meeting 800 ครั้ง โดยมีจำนวนบริษัทจดทะเบียน 67 แห่ง เข้าร่วม

นายธีระพงษ์ กล่าวอีกว่า ประเด็นเรื่องเงินเฟ้อได้มีการสอบถามจากนักลงทุนต่างประเทศเช่นกัน แต่เห็นว่าไม่ได้เกิดที่เฉพาะไทย และสอบถามว่ากับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)จะมีการปรับดอกเบี้ยไม่ทันกับเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น พบว่า ผลกระทบเรื่องนี้ไม่มาก เพราะ ธปท.ได้ทยอยปรับดอกเบี้ยมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และดอกเบี้ยค่อยๆปรับขึ้นจึงไม่กระทบผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน และเงินเฟ้อก็ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการ กลุ่มงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเทรดที่ P/E 13-14 เท่า แต่มีบริษัทที่มี P/E ต่ำกว่า 10 เท่าจำนวน 193 บริษัท คิดเป็น 36% และ บริษัทที่มี P/E ที่ 10-20 เท่ามีจำนวน 182 บริษัท หรือคิดเป็น 34% ดั้งนั้น มองว่าตลาดหุ้นไทยยังไม่แพงมาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ