นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) คาดว่า บริษัทจะได้ไลเซ่นส์ในการขยายสาขาร้าน 7-11 ที่จีนและเวียดนามอย่างเร็วในปลายปีนี้ ซึ่งยอมรับว่าที่ผ่านมามีความล่าช้าเนื่องจากผลกระทบในแต่ละประเทศ ได้แก่ การลดค่าเงินด่องในเวียดนาม ปัญหาเงินเฟ้อ และจากภัยพิบัติในญี่ปุ่นทำให้การอนุญาตล่าช้า ซึ่งบริษัทในญี่ปุ่นเป็นเจ้าของแบรนด์ 7-11
"การที่จะได้ไลเซ่นส์ ช้าหรือเร็ว เราต้องเข้าใจด้วยว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น เขาอาจจะยังไม่สบายใจ เราเองก็ต้องการเห็นการขยายเร็วอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เป็นไร เอาแบบมั่นคงดีกว่า และตอนนี้เราก็เน้นขยายสาขาบ้านเราไปก่อนตามแผนที่เราวางไว้ 450-500 สาขาต่อปี" นายปิยะวัฒน์ กล่าว
ส่วนผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ ส่งผลกระทบให้ต้องปิดสาขา 10 แห่ง รวมค่าเสียหาย 6 หมื่นบาทต่อสาขาต่อวัน แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ภายใน 1-2 วันนี้จะสามารถกลับมาเปิดขายได้เหมือนเดิม เนื่องจากมองว่าน้ำท่วมที่ภาคใต้น้ำครั้งนี้จะลดลงเร็ว กว่าเมื่อเทียบกับช่วงที่เกิดน้ำท่วมในหาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบดังกล่าวจะไม่กระทบเป้าหมายยอดขายรวมในปีนี้ที่ตั้งเป้าเติบโต 10-15% เนื่องจากการเติบโตทั้งจากสาขาเดิม และสาขาใหม่ รวมถึงเศรษฐกิจในปีนี้เติบโตดี และจะมีการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้มีการใช้จ่ายมากขึ้น สอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทที่จะขยายสาขาเป็น 7,000 แห่ง ในอีก 2 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันมี 6,000 สาขา
"เราค่อยๆโต โตสองหลักไปเรื่อยๆ พยายามใส่อาหารสำเร็จรูปเข้าไปเพื่อตอบสนองลูกค้า และซีพีก็ดีด้วย"
นายปิยะวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะเพิ่มโรงงานผลิตอาหารสำเร็จรูป จากปัจจุบันที่มีโรงงานที่ลาดหลุมแก้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาการจัดตั้งโรงงานใหม่ ระหว่างที่ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ อ.ศรีราชา โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในการลงทุนภายในปีนี้ ทั้งนี้ ยอดขายอาหารสำเร็จรูปมีอัตราการเติบโตสูง ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ปรับเพิ่มขึ้นอีก 0.3% จากปีก่อนที่อยู่ 27-28%