ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 มี.ค.) โดยตลาดได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายค่อนข้างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่วิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซและโปรตุเกส
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดบวก 10.85 จุด หรือ 0.27% แตะที่ 3,987.80 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,949.20-3,990.73 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นอังกฤษปิดบวก 27.68 จุด หรือ 0.47% แตะที่ 5,932.17 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,879.90-5,932.73 จุด
ดัชนี FTSEurofirst 300 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบลูชิพในตลาดยุโรปปิดบวก 0.47 จุด หรือ 0.04% แตะที่ 1,125.94 จุด ส่วนดัชนี Stoxx 600 ปิดบวก 0.1% แตะที่ 276.51 จุด
อย่างไรก็ตาม ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดลบ 4.19 จุด หรือ 0.06% แตะที่ 6,934.44 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 6,867.42-6,960.16 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ซึ่งเป็นผลมาจากการคาดการณ์ที่ว่า ญี่ปุ่นจะเพิ่มการนำเข้าโลหะเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการบูรณะฟื้นฟูประเทศหลังจากเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิ โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% หุ้นเวแดนตา รีซอสเซส ปิดบวก 2.9% และหุ้นริโอทินโตปิดบวก 2%
หุ้นโวลส์ลีย์ปิดพุ่งขึ้น 2.1 % หลังจากโวลส์ลีย์ซึ่งเป็นบริษัทผู้ค้าวัสดุก่อสร้างและท่อประปาที่ใหญ่ที่สุดในโลกรายงานว่า กำไรจากการค้าช่วงครึ่งปีพุ่งขึ้น 64 % ซึ่งทำให้โวลส์ลีย์สามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซและโปรตุเกสลงสู่ระดับ BB- และ BBB- ตามลำดับ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากผลการสำรวจของ GfKที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ผู้บริโภคชาวเยอรมันเคลื่อนไหวอยู่ที่ 5.9 จุดในเดือนเม.ย. ลดลงจากระดับ 6 จุดในเดือนมี.ค.