กลุ่มแบงก์บวกนำตลาดวันนี้ โดยเฉพาะหุ้นแบงก์ใหญ่ เก็งงบไตรมาส 1/54 กำไรเติบโตได้ดี ตามการขยายตัวของสินเชื่อ โดยเมื่อเวลา 15.23 น.หุ้น BBL บวกขึ้นมา 2.69% มาอยู่ที่ 171.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท โดยเปิดตลาดที่ 169.00 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุด 173.00 บาท และปรับตัวลงต่ำสุดที่ 169.00 บาท
หุ้น SCB บวก 2.38% มาอยู่ที่ 107.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท โดยเปิดตลาดที่ 105.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุด 107.50 บาท และปรับตัวลงต่ำสุดที่ 105.50 บาท
หุ้น KTB บวก 0.55 % มาอยู่ที่ 18.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท โดยเปิดตลาดที่ 18.40 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุด 18.50 บาทและปรับตัวลงต่ำสุดที่ 18.30 บาท
หุ้น KBANK บวก 1.59% มาอยู่ที่ 128.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท โดยเปิดตลาดที่ 127.00 บาท ราคาปรับตัวสูงสุด 128.50 บาท และปรับตัวลงต่ำสุดที่ 126.00 บาท
นายธนัท รังษ์ธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บล.กรุงศรีอยุธยา แนะนำ"ซื้อ"หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ นช่วงสั้นรับข่าวบวกจากคาดการณ์กำไรงบการเงินไตรมาส 1/54 ที่คาดว่าออกมาดีเกือบทุกแห่ง ตามการปล่อยสินเชื่อที่ขยายตัวได้ดีจากเศรษฐกิจฟื้นตัว อีกทั้งยังมี Upside เฉลี่ย 10-15% ขณะที่ระยะยาวได้ปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นและรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นสนับสนุนปัจจัยการลงทุน
ทั้งนี้ หากพิจารณาเป็นรายตัวแนะนำลงทุน โดยเฉพาะแบงก์ขนาดใหญ่ ได้แก่ KTB BBL SCB โดย KTB ให้ราคา 20 บาท ถือว่าจะโดดเด่นเมื่อเทียบกับหุ้นตัวอื่น โดยเฉพาะในแง่กำไร คาดจะเติบโต 60% YoY ซึ่งสูงกว่าแบงก์อื่นที่เฉลี่ยโต 15-20% เนื่องจากมีการบันทึกรายได้พิเศษจากเงินปันผลรับจากกองทุนวายุภักษ์ 1 คิดเป็นมูลค่าราว 980 ล้านบาท
ขณะที่สินเชื่อรายย่อย ซึ่งธนาคารฯ มีจุดแข็งในกลุ่มสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อบุคคลที่ได้รับอานิสงค์จากธุรกรรม Cash Management อีกทั้งยังมีเงินปันผลรับจากเงินลงทุนอื่นๆ และสินเชื่อก็เติบโตสูงตามที่บริษัทตั้งไว้ 6% YoY
ขณะที่ SCB ให้ราคา 125 บาท BBL ให้ราคา 187 บาท
ด้านบทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)แนะ"ซื้อ"หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์เช่นกัน โดยแนะนำ SCB ให้ราคาเป้าหมาย 135 บาท มองว่ายอดสินเชื่อจะเติบโตโดดเด่น 6.3% จากการปล่อยสินเชื่อให้ภาคธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อเช่าซื้อ ขณะที่ NIM น่าจะปรับตัวขึ้นตามภาวะอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งยังได้รับเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์ และการรวมงบการเงินของ SCNYL เข้ามารวมด้วย
ส่วน KTB ให้ราคา 21 บาท เนื่องจากมองว่าในไตรมาส 1/54 กำไรโดดเด่นจากเงินปันผลวายุภักษ์และค่าใช้จ่ายที่ลดลง ขณะที่ภาพรวมการดำเนินธุรกิจก็ยังเติบโตต่อเนื่องทั้งการขยายตัวของสินเชื่อ และ NIM และจากปัจจัยดังกล่าวคาดว่ากำไรทั้งปีจะเติบโตสูงกว่า 20.7%