นายมารุต แสงศาสตรา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ บมจ.ไดนาสตรี้ เซรามิค(DCC)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" ว่า จากการเติบโตของยอดขายในสาขาเดิมที่ทำได้ดีกว่าคาด ทำให้มีโอกาสที่บริษัทจะเร่งเปิดสาขาในปีนี้ให้เร็วขึ้น รวมทั้งเพิ่มจำนวนสาขาที่จะเปิดใหม่จากเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ 15 สาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่ 32 สาขา โดยเน้นภาคเหนือและอีสาน เนื่องจากราคาพืชผลทางการเกษตรสูง ส่งผลทำให้เกษตรกรมีกำลังซื้อ ขณะที่ศักยภาพในการเติบโตของสาขาเดิมก็ดี
ทั้งนี้ ในช่วง 3 เดือนแรก บริษัทเปิดสาขาใหม่ไปแล้ว 12 สาขา
ขณะที่บริษัทยังเดินหน้าเปิดสาขาใหม่ 6 แห่งในพื้นที่ภาคใต้ตามที่วางแผนไว้ เพราะมองว่าภาคใต้มีอัตราการขยายตัวที่ดี โดยเฉพาะราคายางที่ดีส่งผลให้ประชาชนมีกำลังซื้อสูงขึ้นมาก ประกอบกับ ภาวะน้ำท่วมในขณะนี้จะช่วยสนับสนุนยอดขายของบริษ้ทจากการปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัยหลังน้ำลด โดยในช่วงไตรมาส 1/54 เปิดไปแล้ว 3 สาขา และไตรมาส 2/54 จะเปิดอีก 3 สาขา
"ไม่ค่อยห่วงน้ำท่วมที่ภาคใต้ เพราะลดลงเร็ว ภาคใต้ขยายตัวได้เร็วกว่าภาคอื่น ราคายางก็ดี และยังมีแหล่งท่องเที่ยวความต้องการก็เลยสูง อีกอย่างเราก็ไม่เคยมีที่ภาคใต้เลยมา 2 ปีแล้ว แต่ภาคอื่นเราก็มองเพิ่มเหมือนกัน ต้องรีบโกยช่วงนี้ในจังหวะที่ดี"นายมารุต กล่าว
นายมารุต กล่าวต่อว่า การขยายสาขาเพิ่มจะส่งผลต่อยอดขาย โดยยอดขายในไตรมาส 1/54 เติบโตได้ราว 6-7% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ในไตรมาส 2/54 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของยอดขายกระเบื้อง เชื่อว่าการเติบโตของยอดขายช่วงต้นปีจะส่งผลให้รายได้ในปีนี้มีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 12-13% จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 6,531.20 ล้านบาท
ด้านกำไรสุทธิในปี 54 คาดว่าจะเติบโต 18-19% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,175 ล้านบาท โดยบริษัทคาดว่าจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 44% แม้แนวโน้มต้นทุนจะปรับเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมัน แต่เบื้องต้นบริษัทวางแผนการบริหารต้นทุน ทั้งการปรับเปลี่ยนมาใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงในการผลิต และใช้รถบรรทุกที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อบรรทุกน้ำหนักได้มากขึ้น และปรับปรุงด้านProduct Mix โดยเฉพาะการผลิตกระเบื้องขนาด 16x16 มากขึ้น จากเดิมที่เน้นผลิตขนาด 12X12 เพราะมีอัตรากำไรสูงกว่า
อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถรับกับต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นได้ บริษัทก็มีโอกาสที่จะปรับราคาขายสินค้าเพิ่มขึ้น โดยเบื้องต้นอาจจะเห็นการปรับราคาในช่วงไตรมาส 2/54 แต่ก็จะต้องดูคู่แข่งด้วย ซึ่งเชื่อว่าผู้บริโภคเข้าใจ
นายมารุต กล่าวอีกว่า จากการเติบโตและความต้องการที่สูงขึ้นในขณะนี้ ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีอัตราการใช้กำลังการผลิตสูงถึง 95% ในโรงงาน 2 แห่ง และอยู่ระหว่างการพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มเตาเผาอีก 1 เตา เพื่อผลิตกระเบื้อง คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 4/54 นอกเหนือจากแผนเดิมที่จะเพิ่มเตาเผา 1 เตาในเดือน ก.ค.54 มูลค่าลงทุน 280 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 61 ล้าน ตร.ม./ปี จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 58 ล้าน ตร.ม./ปี