THCOM เผยรมว.ไอซีทีรับเร่งหาข้อสรุปไทยคม 6, มีแบ็คล็อค 263 ล้านเหรียญฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 30, 2011 17:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยคม(THCOM) กล่าวว่า จากการได้พบกับนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีการหารือถึงการส่งดาวเทียมไทยคม 6 ขึ้นไปทดแทนดาวเทียมไทยคม 5 ที่เหลือ capacity ไม่มากแล้ว หลังจากที่บริษัทรอคำตอบจากทางไอซีทีว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งทางรมว.ไอซีทีได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปหาข้อสรุปภายใน 7 วัน

ทั้งนี้ บริษัทมีความพร้อมที่จะลงทุนสร้างดาวเทียมไทยคม 6 ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 130-150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่อาจะต้องใช้เวลาสร้างถึง 2 ปีครึ่งถึง 3 ปี กว่าจะส่งขึ้นวงโคจรได้ ดังนั้น ในระหว่างนั้นอาจจะมีการเช่าดาวเทียมดวงอื่นมาใช้งานแทนไปก่อน

นายอารักษ์ กล่าวอีกว่า ผลประกอบการของบริษัทกำลังปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ โดยขณะนี้บริษัทมียอดสัญญารอให้บริการไอพีสตาร์ 263 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่จะทยอยรับรู้รายได้ และนอกจากนี้ยังคาดว่าจะได้เซ็นสัญญางานส่วนเพิ่มในออสเตรเลียภายใต้โครงการ National Broadband Network และการให้บริการดาวเทียมไอพีสตาร์ในมาเลเซียในเร็ว ๆ นี้ หลังจากที่เลื่อนมาจากปลายปีก่อน

อีกทั้ง ในปีนี้จะรับรู้รายได้จากการให้บริการไอพีสตาร์ในประเทศญี่ปุ่นเต็มที่ทั้งปี จากปีก่อนที่รับรู้ฯเพียง 3 ไตรมาสในอัตราค่าบริการลด 50% แต่หลังจากไตรมาส 2/54 เป็นต้นไปบริษัทจะคิดอัตราค่าบริการเต็มราคา ก็จะทำให้มีรายได้เข้ามามากขึ้นอีก นอกจากนั้น รายได้จากธุรกิจให้บริการโทรศัพท์มือถือในเขมรปีนี้น่าจะดีขึ้นจากปีก่อน หลังจากสงครามราคาลดลงไปแล้ว จากปีก่อนที่เคยขาดทุน

ดังนั้น บริษัทจึงค่อนข้างเชื่อมั่นว่าในปี 54 ผลประกอบการจะมีโอกาสพลิกกลับมาเป็นกำไร จากปีก่อนที่ขาดทุน 782 ล้านบาท หลังจากที่มีงานที่รองรับรู้รายได้ค่อนข้างมาก และหากมีกำไรบริษัทก็อาจจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลด้วย โดยผลประกอบการไตรมาส 1/54 มีแนวโน้มดีใกล้เคียงกับไตรมาส 4/54

"ในปี 54 ทุกอย่างก็น่าจะดีขึ้นแน่ ๆ และยิ่งหากได้งานออสเตรเลียและมาเลเซียมาเพิ่ม (ไอพีสตาร์)ก็น่าจะถึงจุดคุ้มทุนภายในครึ่งปีแรก"นายอารักษ์ กล่าว

บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษานำบริษัทร่วมทุน คือ บริษัท ลาวเทเลเคอม (LTC) ที่ THCOM ถือหุ้น 49% และรัฐบาลลาวถือหุ้น 51% เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาวภายในปีนี้ หลังจากได้รับการทาบทาม เพราะหากบริษัทดังกล่าวได้เข้าไปจดทะเบียนก็จะทำให้ตลาดหุ้นลาวน่าสนใจมากขึ้น

นายอารักษ์ กล่าวว่า สำหรับปัญหาภัยพิบัติในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ใช้แบนด์วิธถึง 35% ของไอพีสตาร์ โดยถือเป็นลูกค้ารายใหญ่นั้น ไม่ได้มีผลกระทบทำให้เกตเวย์ของบริษัทไม่ได้รับความเสียหาย และบริษัทยังได้เข้าไปช่วยเรื่องระบบการสื่อสาร ระหว่างที่ระบบสื่อสารอื่นมีปัญหา ซึ่งน่าจะเป็นผลดีในระยะยาวกับบริษัท เพราะทำให้ทุกคนเห็นว่าระบบของบริษัทมีประสิทธิภาพ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ