นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.ไออาร์พีซี(IRPC) คาดว่ารายได้ในช่วงไตรมาส 1/54 จะสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ตามราคาน้ำมันและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยขณะนี้ราคาน้ำมันสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ว่าจะอยู่ที 85-90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และคาดว่าในไตรมาส 1/54 จะมีกำไรจากสต็อกน้ำมันด้วย
ทั้งนี้ คาดว่าค่าการกลั่นรวม(GIM)ไม่รวมกำไรจากสต็อกน้ำมันในช่วงไตรมาสแรกของปีจะสูงกว่า 8.6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งเป็น GIM เฉลี่ยในปี 53 เป็นผลจากราคาน้ำมันและราคาปิโตรเคมีที่อยู่ในระดับสูง
บริษัทกำลังพิจารณาที่จะเพิ่มการกลั่นน้ำมันเตา หากอัตรากำไร(มาร์จิ้น)กลับมาเป็นบวก ซึ่งจะทำให้อัตราการใช้กำลังการกลั่นเพิ่มจากปัจจุบันที่ใช้อยู่ 80% ของกำลังการกลั่น 2.15 แสนบาร์เรล/วัน
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีนโยบายจะเพิ่มการทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันเป็น 50% ของสต็อกที่มีอยู่ 4 ล้านบาร์เรล จากปัจจุบันที่ทำไว้ในระดับ 25% เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา แต่จากเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางและสถานการณ์ญี่ปุ่นคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นอาจทำให้ราคาน้ำมันปรับลดลงอย่างรุนแรง เหมือนเมื่อปี 51 ที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นไปถึง 140 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ก่อนจะดิ่งลงมาเหลือ 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในช่วง 4 เดือน ทำให้บริษัทน้ำมันประสบปัญหาขาดทุนอย่างมาก
แต่บริษัทก็ยอมรับว่าหากราคาน้ำมันยังปรับขึ้นต่อเนื่องอาจจะทำให้กำไรสต็อกลดลงบ้าง จึงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก
นายวิรัตน์ กล่าวถึงแผนการออกหุ้นกู้ว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างทบทวนว่ามีความจำเป็นหรือไม่ เนื่องจากยังมีกระแสเงินสดเพียงพอ และยังไม่มีความจำเป็นในการลงทุนขนาดใหญ่ ขณะที่การลงทุนโครงการฟีนิกซ์ยังเดินไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ว่าจะมีการทยอยดำเนนการ
ทั้งนี้ บริษัทยังมีวงเงินที่สามารถออกหุ้นกู้ได้ 400-500 ล้านเหรียญสหรัฐ หากมีความจำเป็นและได้อัตราดอกเบี้ยที่ดี ก็จะพิจารณาดำเนินการ เพราะบริษัทมีแผนระยะยาวที่จะปรับลดต้นทุนทางการเงินที่ปัจจุบันสูงกว่า 5%