นายไพศาล ธรสารสมบัติ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บมจ.ค้าเหล็กไทย (TMT) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" ว่า ในปี 54 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากปี 53 ที่มีรายได้ 6.8 พันล้านบาท โดยขึ้นอยู่กับราคาขายเหล็กที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามวัตถุดิบที่มีการปรับขึ้นไปแล้ว 10% ในช่วงไตรมาส 1/54
และคาดว่ารายได้ในไตรมาส 1/54 จะดีกว่าในไตรมาส 4/53 หลังบริษัทได้ปรับราคาขายขึ้นมาตามราคาวัตถุดิบ โดยขณะนี้ราคาขายอยู่ที่ 25-26 บาท/กก. จากปีก่อนที่ราคาเฉลี่ยที่ 21.00 บาท/กก.
"ณ เวลานี้ ราคาเหล็กปรับขึ้น และมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอีก จากราคาสินแร่เหล็ก และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น" นายไพศาล กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) ให้อยู่ระดับ 8-10% โดยปีที่แล้วบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 8.35%
นายไพศาล กล่าวว่า ธุรกิจเหล็กในปีนี้คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง แต่อาจจะไม่ได้เติบโตสูงเท่าปีก่อน โดยจะเติบโตไปตามอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 4.5% รวมทั้งปีนี้ภาคอุตสาหกรรมมีการเพิ่มกำลังการผลิต และมีการลงทุนใหม่ รวมทั้ง ธุรกิจที่อยู่อาศัยมีการขยายตัว ทำให้ความต้องการเหล็กในปีนี้สูงขึ้น
"ปีนี้ผมมองบวก แต่บวกไม่มาก เหล็กน่าจะเติบโตได้ตามพื้นฐานเศรษฐกิจเป็นสำคัญ" ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ TMT กล่าว
นอกจากนี้ เห็นว่าตั้งแต่ไตรมาส 3/54 หรือในช่วงครึ่งปีหลัง น่าจะเริ่มเห็นคำสั่งซื้อเหล็กจากญี่ปุ่นออกมาในตลาด หลังจากที่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิ โดยคาดว่าจะใช้เวลาเคลียร์พื้นที่ภายในประเทศก่อนที่จะสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างเพื่อนำไปใช้ในการฟื้นฟูประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีในด้านราคาขายให้กับบริษัทด้วย
ทั้งนี้ TMT จำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กภายในประเทศ 100% โดยเน้นลูกค้าภาคอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย ซึ่งใช้แผ่นเหล็กรีดน้อนเป็นวัตถุดิบ คิดเป็น 80% ของต้นทุนทั้งหมด
นายไพศาล กล่าวว่า สำหรับราคาเหล็กที่มีกระแสข่าวว่ากระทรวงพาณิชย์จะมีการปรับขึ้นราคานั้น ขณะนี้ทางกระทรวงยังไม่ได้เรียกผู้ประกอบการเข้าไปหารือแต่อย่างใด ซึ่งเชื่อว่า 1-2 สัปดาห์นี้คงยังไม่มีการปรับขึ้นราคา โดยจะมีการปรับเพดานราคาขาย ที่ปัจจุบันราคาขายชนราคาเพดานที่ 25.50 บาท/กก.ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด
"ราคาที่กระทรวงพาณิชย์ดูแลอยู่เป็นราคาควบคุม ถ้าราคาต้นทุนสินค้ามีราคาสูงขึ้น การปรับราคาจะสะท้อนภาพความเป็นจริง ทั้งนี้ราคาควบคุมต่อให้ปรับอย่างไรก็แล้วแต่ ผมเข้าใจว่าผู้ผลิตขออยู่ที่ 29 บาทกว่าๆ"นายไพศาล กล่าว