นายสุรงค์ บุลกุล บมจ.ไทยออยล์(TOP) คาดว่า กำไรจากการดำเนินงานในปี 54 จะดีกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 8,088 ล้านบาท เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อบริษัท โดยเฉพาะราคาพาราไซลีนและเบนซีน รวมถึงค่าการกลั่นก็ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากธุรกิจโรงกลั่นและการลอยตัวราคา LPG
ดังนั้น หากช่วงครึ่งปีหลังราคาน้ำมันและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมียังปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทก็จะพิจารณาปรับเป้าหมายกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับในช่วงไตรมาส 2/54 คาดว่ารายได้และกำไรของบริษัทน่าจะออกมาดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนค่อนข้างมาก และน่าจะทำให้ครึ่งปีแรกผลประกอบการออกมาดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนด้วย
"ปีนี้ก็หวังว่าจะได้เห็นผลประกอบการ โดยเฉพาะกำไรจากการดำเนินงานออกมาดีเหมือนปี 2008 แต่ยังมีความกังวลเรื่อง stock gain-stock loss เพราะช่วงนี้มี gain ค่อนข้างมาก จากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แต่หากราคาน้ำมันปรับลดลง กังวลว่าจะมีปัญหา stock loss แต่เราก็ได้มีการป้องกันความเสี่ยงประมาณ 15-20% ของ stock ของไทยออยล์ที่มีอยู่ 8 ล้านบาร์เรล และมีการปรับเปลี่ยนต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์"นายสุรงค์ กล่าว
นายสุรงค์ กล่าวว่า บริษัทได้วางแผนลงทุน 5 ปี(54-58) ภายใต้งบลงทุน 1-1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งโครงการหลักยังเป็นโครงการเดิม เช่น การผลิตยางสะอาด โครงการยูโร 4 โครงการขยายกำลังการผลิตพาราไซลีน 1 แสนตัน โครงการโรงไฟฟ้า 2 โรง ขนาดรวมกันประมาณ 200 เมกะวัตต์ และโครงการไฮโครแครกเกอร์ รีแวมพ์ ซึ่งมีมูลค่าลงทุนมากที่สุดถึง 350 ล้านเหรียญสหรัฐ