นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บล.คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) เปิดเผยว่าไตรมาสแรกของปีนี้บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจหลักทรัพย์แล้ว 4.6% เป็นอันดับ 8 ในบริษัทหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด จากเป้าหมายทั้งปีที่บริษัทคาดว่าจะมีมาร์เก็ตแชร์ 7% หรือขึ้นอันดับ TOP 5
เนื่องจากปริมาณการลงทุนในปีนี้ คาดว่าจะมีมากกว่าปีก่อน โดยช่วงไตรมาส 1/54 มีการมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ย 30,000 ล้านบาท/วัน สูงกว่าจากงวดเดียวกันปีก่อนอยู่ที่เฉลี่ยที่ 20,000 ล้านบาท/วัน ทำให้คาดว่าทั้งปีนี้รายได้จากการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทน่าจะเป็นไปได้ดี ประกอบกับ บริษัทจะมีการออกธุรกรรม SBL ในวันที่ 15 พ.ค.54 ส่วนใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์(DW) จะออกได้ครึ่งหลังของปีนี้
นอกจากนั้น บริษัทยังมีการปล่อยสินเชื่อเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์(มาร์จิ้นโลน)เพิ่มขึ้น โดยขณะนี้วงเงินมาร์จิ้นโลนสูงขึ้นมาที่ 1.2 พันล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีที่บริษัทตั้งไว้ 1.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงปกติที่จะอยู่ประมาณ 700-800 ล้านบาท โดยจะเน้นให้นักลงทุนรายใหญ่ เนื่องจากช่วงนี้ตลาดขาขึ้นทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น แต่เน้นกระจายการลงทุนในหุ้นหลายตัว
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ พอร์ต Prop.Trade ของบริษัทมีกำไรแล้ว 50% จากเป้าหมายทั้งปี 100% โดยตั้งวงเงินพอร์ตอยู่ที่ 125 ล้านบาท ใช้วงเงินไปแล้วประมาณ 30-40 ล้านบาท เน้นหุ้นใน SET 50 Index และ SET 100 Index ซึ่งทำกำไรเฉลี่ยเติบโตได้ตามเป้าหมาย แต่ช่วงนี้เน้นการดูแลใกล้ชิดเน้นลงทุนระยะสั้น 2-3 วัน และจะเป็นซื้อมากกว่าขาย เพราะช่วงนี้ตลาดเป็นขาขึ้น
ส่วนพอร์ตลงทุนระยะกลาง-ยาวจะเน้นลงทุนหุ้นที่ถือแล้วมีกำไรในช่วงตลาดขาขึ้น เช่น บลจ.เอ็มเอฟซี(MFC) มีกำไรบวกปันผลที่ดี สำหรับแนวโน้มไตรมาส 2/54 ถือเป็นไตรมาสที่ดี ที่บริษัทจะได้รับเงินปันผลจากการลงทุนใน MFC กว่า 80 ล้านบาท หลัง MFC ประกาศจ่ายปันผลผู้ถือหุ้น ทำให้มั่นใจว่าผลประกอบการ CGS ในปีนี้น่าจะดีด้วย