นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บมจ.ไออาร์พีซี(IRPC) กล่าวว่า กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย(EBITDA) ของโครงการฟีนิกซ์ในปี 54 จะอยู่ที่ 2.6-2.7 พันล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 1.9 พันล้านบาท เนื่องจากมีกำลังการผลิตและอัตรากำไร(มาร์จิ้น)เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน คาดว่าโครงการดังกล่าวจะทำให้ผลตอบแทนจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 22% ในปี 57 จาก 8% ในปี 53
ทั้งนี้ ใน 2-3 ปีข้างหน้าบริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจท่าเรือและอสังหาริมทรัพย์ จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจท่าเรือ 1% อสังหาริมทรัพย์ 2% จากปัจจุบันรายได้หลักจะมาจากธุรกิจโรงกลั่น 70%
นายวิรัตน์ กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจการกลั่นปรับตัวดีขึ้นตามสถานการณ์น้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะจากผลกระทบเหตุการณ์ในญี่ปุ่นและตะวันออกกลาง ซึ่งปัจจุบัน กำลังการกลั่นของ IRPC อยู่ที่ประมาณ 1.7-1.8 แสนบาร์เรล/วัน และโครงการฟีนิกซ์จะทำให้กำลังการกลั่นเพิ่มเป็น 2.15 แสนบาร์เรล/วัน
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 1/54 มีแนวโน้มเติบโตทั้งจากราคาผลิตภัณฑ์และค่าการกลั่นที่มีมาร์จิ้นดีขึ้น เนื่องจากสเปรดน้ำมันดีเซลดีขึ้นมาอยู่ 22-23 ดอลลาร์/บาร์เรล จากปีก่อนที่สเปรดอยู่ที่ 12-13 ดอลล่าร์/บาร์เรล ประกอบกับ ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นทำให้บริษัทมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน นอกจากนี้คาดว่าธุรกิจปิโตรเคมีจะเป็นช่วงขาลงเป็นปีสุดท้ายตามวัฎจักรธุรกิจ
ในปีนี้บริษัทมีเงินลงทุนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ทั้งในโครงการฟีนิกซ์และการลงทุนนอกโครงการ โดยในปีนี้โครการฟีนิกซ์จะมีการลงทุนประมาณเกือบ 200 ล้านดอลลาร์ จากเงินลงทุนทั้งโครงการ 1.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีรายได้เพียงพอต่อการลงทุนทั้ง 19 โครงการ และที่มีการอนุมัติเพิ่มอีก 3 โครงการ และขณะเดียวกันบริษัทก็ยังต้องดูสภาพตลาดและสถานการณ์ที่จะออกหุ้นกู้ซึ่งได้รับการอนุมัติวงเงินไปแล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาท