นางสาวเปรมภาว์ หิตะพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.เอสทีพี แอนด์ ไอ(STPI) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" ว่า ในปี 54 บริษัทคาดว่าจะมีกำไร และรายได้ต่ำกว่าปีที่แล้ว ที่มีกำไรสุทธิ 2,021 ล้านบาท และ รายได้ 4.8 พันล้านบาท เพราะในปีนี้งานในมือ (Backlog)น้อยกว่าปีก่อน ซึ่งขณะนี้มีงานในมือมูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท เป็นงาน Module โรงแยกก๊าซในรัฐควีนสแลนด์ ประเทศออสเตรเลีย จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ ตั้งแต่ในไตรมาส 2/54 เป็๋นเวลา 2 ปี นอกนั้นเป็นงานเล็กๆ ไม่กี่สิบล้านบาท
"ปีนี้ ไม่ดีเท่าปี 2010 (ปี 53) เป็นปีที่ดีมากๆ แต่คิดว่าไม่ขาดทุน มาริ์จิ้นก็ไม่ดีเท่าปีที่แล้ว เพราะได้ราคาไม่ดี แต่ Net profit margin กลับมาระดับปกติ ที่ 10-15% รายได้ปีนี้ประเมินยาก"นางสาวเปรมภาว์ กล่าว
ขณะนี้อยู่ระหว่างการเข้าประมูลงาน LNG Plant ในออสเตรเลีย ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้งานประมาณ 2 หมื่นล้านบาท จากมูลค่าโครงการทั้งหมด 5 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะรู้ผลประมูลไม่ปลายปี 54 หรือ ต้นปี 55 จากนั้นจะเริ่มงานและรับรู้รายได้ในปี 56 โดยต้องใช้เวลาเตรียมงานพอสมควร โดยงานดังกล่าวมีคู่แข่งน้อยเชื่อว่าได้รับงานแต่จำนวนเท่าไรต้องรอผลประมูล
นอกจากนี้ กรณีการเกิดปัญหาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เชื่อว่าจะส่งผลดีกับบริษัท เพราะหลายประเทศหันไปมุ่งทำโรงไฟฟ้าก๊าซหรือ LNG กันมากขึ้น ทำให้บริษัทมีโอกาสรับงานเกี่ยวกับ Gas and oil มากขึ้น แต่สำหรับโครงการ woodside Pluto LNG เฟสสองของออสเตรเลีย ก็ชะลอออกไปอีก เพราะเขายังไม่ตัดสินทำโครงการ โดยยังหาแหล่งก๊าซยากขึ้น
"หลังๆ เรารับงาน Module ในธุรกิจ LNG Plant มากขึ้น เป็นโครงสร้าง โรงแยกก๊าซ เพราะได้มาร์จิ้นดีกว่างานอื่น" นางสาวเปรมภาว์ กล่าว
ขณะที่ในปีนี้ บริษัทมีแนวโน้มมีโอกาสได้งานเหมาช่วงต่อจากผู้รับเหมาญี่ปุ่นที่สร้างตึกหรืออาคารใหม่ในญี่ปุ่น หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหว และ สึนามิ โดยอาจจะเป็นไตรมาส 1-2 ในปีหน้า