โบรกฯหนุน"ซื้อ"KBANK สินเชื่อ-รายได้โตต่อเนื่องตามการวางนโยบายเชิงรุก

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 8, 2011 14:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้องหนุน "ซื้อ" ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ที่ยังทำกำไรเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยเน้นการดำเนินธุรกิจเชิงรุก ซึ่งสินเชื่อเน้นการเติบโตในธุรกิจ SME และ รายย่อย มากกว่า Corporate นอกจากนี้รายได้หลักยังมาจากรายได้ดอกเบี้ย ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมยังเติบโตดีขึ้นต่อเนื่องทั้งจากการดำเนินธุรกิจปกติ และหลังการซื้อกิจการของ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต แต่ธนาคารยังมีค่าใช้จ่ายจากการลงทุนในโครงการ K-Transformation ที่อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ในปีนี้บ้าง

ส่วนแนวโน้มไตรมาส 1/54 คาดว่า การปล่อยสินเชื่อของธนาคารยังไม่โดดเด่น โดยคาดว่าสินเชื่อขยายตัว 1.5-2%จากสิ้นปี 53 แต่แนวโน้มความต้องการสินเชื่อเพื่อการลงทุนยังมีเพิ่มขึ้น จึงมองไตรมาส 2/54 การปล่อยสินเชื่อจะดีขึ้น

                    โบรกเกอร์            คำแนะนำ            ราคาเป้าหมาย(บาท)
                    บล.กรุงศรีฯ             ซื้อ                   152.00
                    บล.กิมเอ็ง              ซื้อ                   148.00
                    บล.เกียรตินาคิน          ซื้อ                   154.00
                    บล.เอเซียพลัส           ซื้อ                   158.00
                    บล.ซิกโก้               ซื้อ                   130.50
                    บล.ไอร่า               ซื้อ                   147.00
                    บล.โกลเบล็ก            ซื้อ                   163.00
                    บล.ทรีนิตี้               ซื้อ                   138.00
          นายธนัท รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า สินเชื่อไตรมาส 1/54 ของ KBANK ยังไม่โดดเด่น โดยคาดว่าจะขยายตัว 1.5% จากสิ้นปี 53 รายได้ของธนาคารยังเติบโตได้ต่อเนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมและจากธุรกิจประกันชีวิต ทำให้กำไรสุทธิไตรมาส 1/54 จะมีสูงถึง 6,000 ล้านบาท หรือเติบโต 38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
          อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการเติบโตสินเชื่อไตรมาส 2/54 ดีขึ้น โดย KBANK ยังเน้นการเติบโตจากสินเชื่อ SME และสินเชื่อรายย่อยมากกว่า โดยสินเชื่อ Corporate มีการเติบโตที่น้อยกว่า
          “ช่วงไตรมาส 1 แบงก์จะได้ดีล Corporate จากการควบรวมกิจการ และการซื้อกิจการของกลุ่มธุรกิจเหล็ก ซึ่งเท่าที่ดู momentum ดีลการซื้อกิจการในปีนี้ยังมีได้อีก เพราะสถานะบริษัทไทยตอนนี้ มีหนี้น้อยลง และเอื้อให้การขยายธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้น มีโอกาสซื้อดีลต่างประเทศ รวมถึงการขยายการผลิตในหลายอุตสาหกรรมซึ่งทำให้ Corporate loan ไปได้ดี และหากเศรษฐกิจดี ธุรกิจ SME ก็จะได้ผลดีต่อเนื่องด้วย" นายธนัท กล่าว
          ทั้งนี้ในปี 54 คาดว่า ธนาคารจะมีกำไรสุทธิ 24,000 ล้านบาท เติบโต 20% โดยสินเชื่อขยายตัว 8% มี Cost to income ที่ 64.8% จาก 66% ในปี 53 และ ROE ปรับขึ้นเป็น 16.8% จาก 15.7% ในปี 53
          สำหรับตัวแปรที่อาจกระทบการดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในระยะสั้น คือการเมือง ซึ่งจะมีการเลือกตั้ง ซึ่งอาจทำให้การดำเนินนโยบายของรัฐบาลไม่รื่นไหล ทำให้การดำเนินธุรกิจโดยรวมต้องชะลอเพื่อรอดูนโยบายรัฐบาลใหม่ แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบมาก หากไม่มีการชุมนุมรุนแรง แต่ปัจจัยที่กระทบการดำเนินธุรกิจ มองว่ามาจากปัจจัยภายนอกมากกว่า ทั้งปัญหาในตะวันออกกลาง และภัยพิบัติในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นปัญหานอกเหนือการควบคุม
          นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจของ KBANK ยังมีการเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยคาดว่าไตรมาส 1/54 ธนาคารนังมีผลการดำเนินงานโดดเด่น โดยคาดว่ามีกำไรสุทธิ 6,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 45%  โดยที่สินเชื่อขยายตัว 2% จากสิ้นปี 53  ซึ่งการปล่อยสินเชื่อของธนาคารยังเติบโตจากลูกค้า SMEs เป็นหลัก แตกต่างจากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่แห่งอื่น ทั้ง SCB และ BBL ที่จะเน้นลูกค้า Corporate
          “KBANK ยังมีจุดเด่นของตัวเอง โดยยังเน้นการเติบโตของสินเชื่อที่โฟกัสไปที่ SME ต่างจาก BBL และ SCB ที่สินเชื่อจะโตจาก Corporate" นักวิเคราะห์  บล.กิมเอ็ง กล่าว
          ทั้งนี้ในปีนี้ เชื่อว่า NIM ของธนาคารยังปรับตัวดีขึ้นตามการปรับขึ้นของดอกเบี้ย ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียม ธนาคารยังคงหวังที่จะเติบโตได้ต่อเนื่อง
          อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ ธนาคารยังมีค่าใช้จ่ายในเรื่อง K-Transformation อีกประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นแรงกfดันต่อรายได้ของธนาคารในปีนี้บ้าง
          บทวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส ระบุว่า เป้าหมายธุรกิจปี 54 ของ KBANK ยังเป็นไปในเชิงรุกในทุกกลุ่มธุรกิจทั้งรายใหญ่ SME และรายย่อย โดยประเมินสินเชื่อสุทธิว่าจะเติบโตต่อเนื่องในระดับ 7-9% โดยเฉพาะการเติบโตของสินเชื่อรายใหญ่ที่คาดว่าจะต่อเนื่องอีก จากความต้องการลงทุนในโครงการต่างๆ ของทั้งภาครัฐและเอกชน
          โดยกลยุทธ์การขยายสินเชื่อรายใหญ่ของ KBANK จะใช้จุดแข็งในการให้บริการลูกค้าในลักษณะที่เป็น K-group Supply Chain Solution Service เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ให้ครอบคลุมไปถึงกลุ่ม SME และการนำเสนอบริการด้าน Cash management และ Liquidity management อันจะนำมาซึ่งรายได้ค่าธรรมเนียมฯ ที่เกี่ยวเนื่องเติบโตเชิงรุกตามที่ธนาคารฯ ตั้งเป้าไว้ถึง 20% ในปี 54
          ฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำซื้อ KBANK ภายใต้ Fair value ใหม่ปี 2554 อิง PBV 2.5 เท่า (ภายใต้คาดการณ์ ROE ระยะยาวที่ 20) เท่ากับ 158 บาท จากคาดการณ์กำไรสุทธิปี 54 ที่ยังเติบโตต่อเนื่องอีก 12.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และปี 55 เติบโต 12.1% แม้จะยังอยู่ในช่วงของการลงทุนในโครงการ K-transformation ที่ต้องมีภาระการลงทุนระดับสูงก็ตาม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ