ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (11 เม.ย.) ท่ามกลางการซื้อขายที่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง ก่อนที่บริษัทเอกชนกของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 1.06 จุด หรือ 0.01% แตะที่ 12,381.11 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 3.71 จุด หรือ 0.28% แตะที่ 1,324.46 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 8.91 จุด หรือ 0.32% แตะที่ 2,771.51 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่าสมาชิกสภาคองเกรสจากพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลกลางสหรัฐ ซึ่งช่วยให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐไม่ต้องปิดทำการเพราะขาดงบประมาณอย่างที่หลายฝ่ายวิตกกังวลกันก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทเอกชนของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก วิกฤตการณ์นิวเคลียร์ในญี่ปุ่น และความตึงเครียดทางการเมืองในตะวันออกกลาง
หุ้นอัลโค อิงค์ ร่วงลงเกือบ 1% ก่อนที่ทางบริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการ โดยนักวิเคราะห์จากเครดิตสวิสคาดว่า อัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ของโลกจะมีกำไรเพิ่มขึ้น 27 เซนต์ต่อหุ้น สูงกล่าวปีที่แล้วถึงสองเท่าที่ระดับ 10 เซนต์ต่อหุ้น
ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์คาดว่า กำไรของเอ็กซอน โมบิล คอร์ป จะอยู่ที่ 1.92 ดอลลาร์ต่อหุ้น สูงกว่าปีที่แล้วประมาณ 44% เพราะได้ปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงไตรมาสแรก
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยลบจากการที่ไอเอ็มเอฟปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของสหรัฐลงสู่ระดับ 2.8% ในปีนี้ ซึ่งลดลง 0.2% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นลงสู่ระดับ 1.4% ในปีนี้ จากเดิมที่ระดับ 1.6% เนื่องจากเศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังถูกกดดันจากข่าวที่ว่า คณะกรรมการบริหารของ NYSE Euronext ได้ปฏิเสธข้อเสนอการเทคโอเวอร์กิจการมูลค่า 1.13 หมื่นล้านดอลลาร์จากบริษัท Nasdaq OMX และ Intercontinental Exchange (ICE) แล้ว แม้ข้อเสนอดังกล่าวมีมูลค่าสูงกว่าข้อเสนอของ Deutsche Boerse ก็ตาม
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนมี.ค., กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.พ. และกระทรวงการคลังจะเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนมี.ค.
วันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนมี.ค.และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.พ. ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ส่วน วันศุกร์ กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค., เฟดสาขานิวยอร์กจะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนเม.ย., กระทรวงการคลังจะเปิดเผยข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของต่างชาติเดือนก.พ. และเฟดจะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนมี.ค.