ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 เม.ย.) เนื่องจากตลาดขานรับรายงาน Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งเป็นรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจจากเฟดทั้ง 12 เขตในสหรัฐที่ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องในระดับปานกลางเกือบทั่วทั้งภูมิภาคในช่วงกลางเดือนก.พ.ถึงมี.ค. ซึ่งทำให้ตลาดมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ แม้ว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ เผยแผนลดงบประมาณและจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นก็ตาม
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 7.41 จุด ส่วนดัชนี S&P 500 ปิดขยับขึ้น 0.25 หรือ 0.02% แตะที่ 1,314.41 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 16.73 จุด หรือ 0.61% แตะที่ 2,761.52 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ก่อนที่ตลาดจะปิดทำการนั้น ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐเปิดเผยแผนการลดยอดขาดดุลงบประมาณของประเทศลง 4 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 12 ปีข้างหน้า ด้วยการใช้มาตรการลดงบประมาณและจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น
ภายใต้แผนดังกล่าว รัฐบาลสหรัฐจะลดงบประมาณกลาโหมลง 4.00 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2563 ตลอดจนลดงบประมาณด้านเมดิแคร์ และเมดิคเอดลง 4.80 แสนล้านดอลลาร์
แม้ว่า เจพีมอร์แกน เชส จะรายงานผลประกอบการออกมาดีกว่าการคาดการณ์ โดยเจพีมอร์แกน เชส ระบุว่า รายได้ไตรมาสแรกพุ่งขึ้น 67% แต่การที่เจพีมอร์แกน เชส คาดการณ์ว่า จะขาดทุนในธุรกิจที่เกี่ยวกับเงินกู้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย ส่งผลให้มีแรงเทขายในหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์เข้ามา
หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วง 2.29% ส่วนหุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วง 1.1% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงเกือบ 1.5%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น ขานรับรายงานเฟด โดยหุ้นกูเกิ้ลบวก 0.99% หุ้นซูม เทคโนโลยีส์พุ่ง 31.45% หลังจากที่บริษัทได้ลงนามในข้อตกลงเรื่องใบอนุญาตกับควอลคอมม์ ซึ่งเปิดทางให้บริษัทผู้ผลิตมือถือของจีนเข้ามาพัฒนาและขายผลิตภัณฑ์ 3G โดยใช้สิทธิบัตรชิปของควอลคอมม์
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายของกลุ่มค้าปลีกของสหรัฐขยายตัวขึ้น 0.4% ในเดือนมี.ค. ซึ่งถือเป็นสถิติที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9