ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 เม.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นเกินคาดของสหรัฐ และจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชน รวมถึงเนสเล่ เอสเอ
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดบวก 31.73 จุด แตะที่ 7178.29 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดบวก 4.09 จุด แตะที่ 3974.48 จุด
ดัชนี Stoxx 600 ปิดบวก 0.3% แตะที่ 277.78 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปได้ปัจจัยบวกจากรายงานของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐขั้นต้นเดือนเม.ย. อยู่ที่ 69.6 ซึ่งสูงกว่าระดับคาดการณ์ และเพิ่มขึ้นจากระดับ 67.5 ของช่วงปลายเดือนมี.ค. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงมีความเชื่อมันในแนวโน้มเศรษฐกิจ
หุ้นเนสเล่ปิดพุ่ง 2.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายไตรมาสแรกขยายตัว 6.4% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 5.9%
หุ้นซินเจนตา ซึ่งเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ทางการเกษตรรายใหญ่ของยุโรป ปิดบวก 0.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้เพิ่มขึ้น 14% เป็น 4.02 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก เนื่องจากราคาธัญพืชที่สูงขึ้นช่วยให้กำลังการซื้อเคมีภัณฑ์ทางการเกษตรของเกษตรกร ปรับตัวสูงขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าทางการจีนอาจจะใช้มาตรการควบคุมเงินเฟ้อและการขยายตัวของเศรษฐกิจ หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนมี.ค. ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ระดับ 4% และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนในไตรมาสแรกปี 2554 ขยายตัว 9.7%
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังได้รับผลกระทบจากข่าวที่ว่า มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของไอร์แลนด์ลง 2 ขั้น สู่ระดับ Baa3 จากระดับ Baa1 เนื่องจากความกังวลที่ว่า รัฐบาลไอร์แลนด์อาจจะไม่สามารถลดการขาดดุลงบประมาณ