ดัชนี FTSE ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงหนักสุดในรอบ 5 เดือนเมื่อคืนนี้ (18 เม.ย.) หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือระยะยาวของสหรัฐ และจากความวิตกกังวลที่ว่ากรีซอาจประสบปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 125.93 จุด หรือ 2.1% ปิดที่ 5,870.08 จุด ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนได้รับผลกระทบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากเอสแอนด์พีประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือระยะยาวของสหรัฐลงสู่ระดับ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" พร้อมกับแสดงความกังวลว่า ปัญหาการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลอาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในอีก 2 ปีข้างหน้า และอาจจะทำให้อันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐถูกปรับลดลงด้วย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับการคาดการณ์ที่ว่า กรีซอาจเผชิญปัญหาการผิดนัดชำระหนี้และอาจจะต้องปรับโครงสร้างหนี้ โดยวิกฤตหนี้สาธารณะภายในประเทศทำให้รัฐบาลกรีซต้องขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) เมื่อไม่นานมานี้
หุ้นแอสตราเซเนกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่อันดับสองของอังกฤษ ปิดร่วง 2.1% ขณะที่หุ้นบีพีปิดลบ 0.9% หลังจากมีรายงานว่า บริษัทโอเอโอ รอสเนฟท์ อาจทำข้อตกลงสว็อปหุ้นกับบีพี
หุ้นรอยัล ดัชท์ เชลล์ ปิดร่วง 2.5% ส่วนหุ้นเทสโก ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของอังกฤษ ปิดร่วง 1.8% เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า รายได้สุทธิปี 2553 ของเทสโกอาจจะต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์