ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (18 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือระยะยาวของสหรัฐ และกระแสคาดการณ์ที่ว่ารัฐบาลกรีซอาจจะต้องปรับโครงสร้างหนี้
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีร่วงลง 151.44 จุด หรือ 2.11% ปิดที่ 7,026.85 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 6,994.56-7,174.75 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสดิ่งลง 93.24 จุด หรือ 2.35% ปิดที่ 3,881.24 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,862.40-3,971.29 จุด
ดัชนี FTSEurofirst 300 หุ้นกลุ่มบลูชิพในตลาดยุโรปปรับตัวลง 19.30 จุด หรือ 1.71% ปิดที่ 1,112.42 จุด และดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.7% แตะที่ 273.05 จุด
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นทั่วยุโรปเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก หลังจากเอสแอนด์พีประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือระยะยาวของสหรัฐลงสู่ระดับ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" พร้อมกับแสดงความกังวลว่า ปัญหาการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลอาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในอีก 2 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า รัฐบาลกรีซอาจเผชิญปัญหาการผิดนัดชำระหนี้และอาจจะต้องปรับโครงสร้างหนี้ โดยดัชนี ASE ตลาดหุ้นกรีซร่วงลง 2.8% หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซ พร้อมกับแนะนำให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา นายจอร์จ ปาปาคอนสแตนตินู รมว.คลังของกรีซ ได้ออกมาสยบกระแสความวิตกกังวลในตลาดด้วยการออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลกรีซยังไม่มีแผนที่จะปรับโครงสร้างหนี้
หุ้นอัลฟา แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของกรีซ ร่วงลง 5.1% ขณะที่หุ้นโซซิเอเต เจนเนอรัล ปิดร่วงลงกว่า 3% และหุ้นคอมเมิร์ซ แบงก์ ปิดลบ 5.1%
หุ้นอัลไลอันซ์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันรายใหญ่สุดของยุโรปเมื่อพิจารณาจากทุนจดทะเบียนในตลาด ร่วงลง 4.8% ส่วนหุ้นมิวนิค รี ปิดร่วง 2.3%
ส่วนหุ้นเนสเล่ เอสเอ ผู้ผลิตชอคโกแลต KitKat และกาแฟสำเร็จรูป Nescafe Gold Blend ปิดร่วง 4.2%