แหล่งข่าวจากบมจ.ไทยคม (THCOM) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทต้องรอผลการตัดสินของศาลในอินเดียอีกแห่งหลังจากที่ศาลสูงได้ตัดสินเมื่อเร็วๆนี้ว่าบริษัทไม่ได้ต้องจ่ายภาษีเงินได้จากการให้บริการช่องสัญญาณดาวเทียมไอพีสตาร์ จำนวน 460 ล้านรูปี หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 396 ล้านบาทตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลานั้น ซึ่งบริษัทได้ตั้งสำรองไว้เมื่อสิ้นปีที่แล้ว ส่วนในไตรมาส 1/54 ยังต้องรอปิดงบไตรมาสก่อน
"ยังต้องรออีกศาล ที่เป็นศาลสูงกว่านั้น ไม่รู้ระยะเวลา ขึ้นอยู่กับกระบวนการของศาล ที่ผ่านมาเราทำถูกต้องตามกฎหมาย เราเชื่อมั่นว่าเราจะชนะ....ที่อินเดียเราตั้งตัวแทนขาย แต่ไม่ได้จัดตั้งเป็นรูปบริษัท โดยบริษัทไทยคม เป็นผู้รับรู้รายได้ และเสียภาษีอยู่แล้วในประเทศไทย"แหล่งข่าว กล่าว
นอกจากนี้ ในปีนี้ลูกค้าใหม่ที่จะเพิ่มเข้ามา ได้แก่ มาเลเซีย ที่บริษัทได้เจรจาขายช่องสัญญาณทั้งหมดที่มีอยู่ 2.3 Gbps ให้กับเอกชนผู้ให้บริการโทรศัพท์ในมาเลเซีย โดยขณะนี้กำลังเจรจาขั้นตอนสุดท้าย คาดว่าจะรู้ผลชัดเจนได้ในปลาย เม.ย.ถึง ต้น พ.ค.54 ที่เป็นช่วงเดียวกับประกาศงบการเงินในไตรมาส 1/54
รวมทั้ง คาดว่าจะเซ็นสัญญาส่วนเพิ่มในออสเตรเลียภายใต้โครงการ National Broadband Network(NBN) ไม่เกินเดือน พ.ค.นี้ และจะรับรู้รายได้ทันทีในไตรมาส 2/54 โดยเป็นโครงการของรัฐบาลออสเตรเลียที่ต่อเนื่องจากโครงการ ABG ที่มีวัตถุประสงค์เหมือนกันที่จะให้ประชาชนได้ใช้บริการบรอดแบรนด์ทั่วถึง ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการใช้ช่องสัญญาณไอพีสตาร์ประมาณ 1 Gbps จาก capacity ที่รองรับในออสเตรเลียทั้งหมด 5 Gbps
อีกทั้งในปีนี้คาดว่าการใช้ไอพีสตาร์ในอินเดียจะเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่เซ็นสัญญาใช่ขั้นต่ำ 1.5 Gbps และในจีน ซึ่งต้องใช้เวลาเจรจาพอสมควร
แหล่งข่าว คาดว่า สิ้นปี 54 จะมีการใช้ช่องสัญญาณไอพีสตาร์เพิ่มเป็น 20-30% ของปริมาณการใช้ทั้งหมด ทีมี 37 Gbps จากสิ้นปี 53 ที่มีอัตราการใช้ 15% ซึ่งเพิ่มจากปี 52 ที่มีอยู่ 8-9%
ปัจจุบัน รายได้หลักของไอพีสตาร์มาจากญี่ปุ่น ซึ่งใช้ช่องสัญญาณถึง 2 Gbps รวมทั้ง อินเดีย, ออสเตรเลีย